บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน (17 - 21 ก.ย. 55)ว่า ราคาน้ำมันดิบจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง โดยเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบสูงขึ้นที่ 112-120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และเวสต์เท็กซัสที่กรอบ 95-102 เหรียญฯ รับข่าวดีจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาตรการ QE3 และธนาคารกลางยุโรปสามารถดำเนินแผนการซื้อพันธบัตรได้ หลังศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีอนุมัติเงินกองทุนช่วยเหลือหนี้ยุโรป ESM ประกอบกับสถานการณ์ความไม่สงบในกลุ่มประเทศมุสลิมในขณะนี้ ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบในตลาด
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ออกมา จะช่วยกดดันราคาน้ำมัน
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย การเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาดน้ำมันจากการที่จะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาตรการ QE3 นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง มีส่วนหนุนราคาน้ำมันดิบด้วย
นอกจากนี้ ต้องติดตามกรณีสเปนจะขอความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมจากสหภาพยุโรปหรือไม่และด้วยเงื่อนไขอย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่การที่ธนาคารกลางยุโรปจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสเปน รวมทั้งติดตามการออกขายพันธบัตรรัฐบาลในวันพฤหัสบดีนี้
ส่วนกรณีชาวมุสลิมได้ออกมาประท้วงและบุกทำลายสถานทูตสหรัฐฯ ในหลายประเทศ ได้แก่ ลิเบีย อียิปต์ เยเมน อิรักและอิหร่าน ซึ่งสถานการณ์อาจจะลุกลามและทวีความรุนแรงขึ้นได้ และอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่มีการผลิตน้ำมันดิบรวมกันมากถึง 1 ใน 3 ของการผลิตน้ำมันดิบของโลก
ขณะที่ต้องรอดูตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ตลาดบ้านของสหรัฐฯ ผลสำรวจภาคการผลิตของรัฐนิวยอร์กและเมืองฟิลาเดลเฟีย ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตและบริการของยุโรป (Flash Markit PMI) และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเยอรมนี (ZEW)
อีกทั้ง สหรัฐฯ อาจจะตัดสินใจปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอีก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาราคาน้ำมันแพง โดยเฉพาะในช่วงก่อนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ
และการผลิตน้ำมันดิบแหล่งทะเลเหนือในเดือน ต.ค. คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 25% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.97 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการซ่อมบำรุงของแหล่ง Buzzard จะเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางเดือนหน้า