ในขณะที่บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งจำต้องปิดกิจการในจีนเป็นการชั่วคราวมท่ามกลางกระแสการประท้วงต่อต้านญี่ปุ่น ก็มีกระแสความวิตกกังวลก่อตัวเพิ่มขึ้นว่าสถานการณ์ที่ลุกลามจะกระทบผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทผลิตรถยนต์ที่อยู่ในภาวะย่ำแย่อยู่แล้วจากเงินเยนที่แข็งค่าและภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
"ผลกระทบจะอยู่ในกรอบจำกัดหากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน แต่หากสถานการณ์ลุกลามจนถึงการคว่ำบาตรสินค้าญี่ปุ่น ก็อาจกระทบต่อการขยายตัวของผลประกอบการบริษัทญี่ปุ่น" นายชิเงรุ มัทซึมารุ นักวิเคราะห์หุ้นจาก SMBC Friend Research Center กล่าว
บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์จะได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวในจีนมากที่สุด เนื่องจากบริษัทรถยนต์หลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนจุดสนใจทางธุรกิจไปยังจีน ที่เบียดสหรัฐขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แม้ว่าบริษัทญี่ปุ่นบางส่วนตัดสินใจให้โรงงานและร้านค้ากลับมาดำเนินงานตั้งแต่วันนี้ แต่ยังมีคำเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามในจีน เนื่องจากการประท้วงต่อต้านการยึดครองเกาะเซนกากุเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่น ซึ่งจีนก็อ้างสิทธิการเป็นเจ้าของด้วยนั้น ยังคงขยายวงไปกว่า 100 เมืองจนถึงวานนี้
เมื่อวานนี้ทางโตโยตา มอเตอร์ คอร์ปปิดโรงงานบางแห่งในจีนเป็นเวลาชั่วคราว หลังบริษัทตัวแทนจำหน่ายในเครือในเมืองชิงเต่า มณฑลชางตงได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทรถยนต์อื่นๆ อาทิ นิสสัน มอเตอร์ และมิตซูบิชิ มอเตอร์สระงับการดำเนินงานของโรงงานในจีนวานนี้เช่นกัน
จากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้ฟิทช์ เรตติ้งส์ระบุวานนี้ว่า ความน่าเชื่อถือของบริษัทผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น รวมทั้งผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า อาจเผชิญแรงกดดัน หากข้อพิพาทดินแดนหมู่เกาะเซนกากุระหว่างจีนและญี่ปุ่นยืดเยื้อต่อไป
ด้านเจ้าหน้าที่ของโตโยต้ารายหนึ่งแสดงความกังวลว่าแผนการลงทุนในประเทศจีนของบริษัทอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หากสถานการณ์ในจีนไม่กลับสู่ภาวะปกติในเร็วๆนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน