นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงผลจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ว่า อาจส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเทียบกับค่าเงินของหลายประเทศแล้วยังเห็นว่าค่าเงินบาทยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
"ข้อมูลที่นำเสนอโดยแบงก์ชาติ เรามีค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่มีหลายประเทศแข็งค่าขึ้นมากกว่า เมื่อเทียบในฐานะที่เป็นคู่ค้ากับประเทศเหล่านั้น ค่าเงินเรายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จริงๆ อาจจะอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ ซึ่งเชื่อว่าแบงก์ชาติจะดูแลให้ค่าเงินเราอยู่ในระดับที่เหมาะสม" รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ธปท.ยังได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยต่อที่ประชุมว่า สภาพคล่องทางการเงินในขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับที่ดีไม่มีข้อกังวล การจ้างงานอยู่ในภาวะปกติ อัตราการว่างงานเพียง 0.7%เท่านั้น
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามงานโดยเฉพาะของกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องการดูแลการส่งออกสินค้ารายอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งคาดว่าอีกไม่กี่สัปดาห์นี้กระทรวงพาณิชย์จะสรุปรายละเอียดของสถานการณ์การส่งออกในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมได้ ขณะที่กระทรวงการคลังจะหารือกับภาคเอกชนเพื่อพิจารณากฎระเบียบตลอดจนมาตรการด้านภาษีเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการส่งออกได้ยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการนำพื้นที่บริเวณ ถ.ราชดำเนินกลาง และ ถ.ราชดำเนินนอก ซึ่งถือเป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพื่อนำรายได้เข้าสู่ภาคการท่องเที่ยวให้มากขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่มีจุดประสงค์จะเปลี่ยนเป็นแหล่งการค้าแต่อย่างใด
รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยังกล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ขณะนี้ว่า เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ เพราะน้ำท่วมเพียงบางพื้นที่ของประเทศ ซึ่งเกิดจากปริมาณฝนที่ตกหนักเท่านั้น ภาคธุรกิจจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์จากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.)ที่จะชี้แจงและให้ข้อมูล โดยเชื่อว่าผู้ประกอบธุรกิจจะมีความสบายใจมากขึ้น
แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างแนวคันป้องกันน้ำโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมที่จะต้องเร่งมือให้แล้วเสร็จเพื่อเตรียมรองรับกรณีที่อาจจะเกิดฝนตกหนักบริเวณพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรมคงจะได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีความมั่นใจที่จะรองรับสถานการณ์ได้