นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เตรียมหารือกระทรวงการคลังเพื่อแก้ปัญหายอดขายตกต่ำหลังจากรัฐบาลปรับขึ้นภาษีบุหรี่ 6-8 บาท/ซอง เมื่อเดือน ส.ค.55 ส่งผลกระทบต่อยอดขายบุหรี่ของโรงงานยาสูบลดลงถึง 30% ซึ่งโรงงานยาสูบต้องการฟื้นยอดขายให้ดีขึ้นภายใน 3 เดือน นอกจากนี้พบว่าหลังจากการปรับขึ้นภาษีดังกล่าว ทำให้ยอดขายขายยาเส้นเพื่อมวนเองเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษี อีกทั้งยังพบการลักลอบนำเข้าบุหรี่มากขึ้นเช่นกัน
"ตอนนี้มีปัญหาว่าบุหรี่ที่มวนเอง ซึ่งไม่เสียภาษี มียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยทั่วไป ยาเส้นเพื่อมวนบุหรี่เองที่ผ่านมามียอดขายเติบโตถึง 30% หรือคิดเป็น 40 ล้านกิโลกรัม ขณะที่บุหรี่มวนสำเร็จ มียอดขายเพียง 30 ล้านกิโลกรัม ดังนั้นจึงจะหารือกระทรวงการคลังเพื่อวางแนวทางการควบคุมการบริโภคยาสูบให้ครอบคลุมทั้งหมดด้วย" นายต่อศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังการปรับขึ้นภาษีคาดว่าในปีงบประมาณ 55 โรงงานยาสูบจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น จากปีงบประมาณก่อนมีรายได้รวม 7 หมื่นล้านบาท แต่เป็นรายได้นำส่งเข้ารัฐ 5 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิราว 5 พันล้านบาท แต่ปีนี้คาดว่ามีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 5.5-6 พันล้านบาท แม้ยอดขายจะลดลง รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ
และในวันนี้ โรงงานยาสูบ ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือการทำธุรกรรมรับ-จ่ายเงินกับธนาคารทหารไทย (TMB) ผ่านผลิตภัณฑ์ TMB Supply Chain Solutions เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการซื้อขายสินค้า มีช่องทางการชำระเงินที่สะดวกรวดเร็ว ซึ่งโรงงานยาสูบ มีการซื้อขายสินค้าผ่านคู่ค้าทั้งยี่ปั๋ว ซาปั๋ว ที่เป็น ซัพพลายเชน กว่า 100 ล้านบาท/ปี ความร่วมมือครั้งนี้น่าจะช่วยลดต้นทุนได้ 5% และความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการปรับตัวรองรับการแข่งขัน รักษาระดับการนำส่งรายได้เข้ารัฐไม่น้อยกว่าเดิม และโรงงานยาสูบมีนโยบายปรับภาพลักษณ์องค์กรให้ทันสมัยเป็นสากลมากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันกับต่างชาติภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน จึงต้องมีการปรับเพิ่มพลังให้แบรนด์และนำระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ขณะที่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่ต้องมีการแข่งขันมากขึ้น จึงต้องอาศัยการมีเครือข่ายพันธมิตรซื้อขายสินค้าที่มากขึ้น