นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสพบปะหารือกับนายเหล่ย หย่งเจี้ยน รองอธิบดีและผู้บริหารของบริษัท Guangdong Agribusiness Group Corporation (GDA) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตนมพร้อมดื่มรายใหญ่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล โดยบริษัทดังกล่าวมีส่วนแบ่งทางการตลาดนมมากกว่า 50% ของยอดการจำหน่ายนมทั้งหมดในมณฑลกวางตุ้งของประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม จากการหารือทำให้ทราบว่าที่ผ่านมาจีนต้องประสบกับปัญหาเรื่องของการปนเปื้อนสารเมลามีนในนมและผลิตภัณฑ์ ทำให้จีนมีความต้องการที่จะนำเข้าน้ำนมดิบและผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศมากขึ้น
ทางบริษัท GDA ได้แสดงความสนใจที่จะพัฒนาความร่วมมือในขั้นต้นโดยการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและเทคโนโลยีด้านการผลิตนม อีกทั้งในอนาคตอาจมีการทำข้อตกลงและความร่วมมือในการนำเข้าน้ำนมดิบหรือผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ จากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เนื่องจากขณะนี้ทางบริษัท GDA ยังมีความต้องการน้ำนมดิบและผลิตภัณฑ์นมอีกมากสำหรับป้อนเข้าสู่สายการผลิตของบริษัท GDA เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดผู้บริโภคนมของจีน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มในการบริโภคนมสูงขึ้นมาก จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทย โดยเฉพาะ อ.ส.ค.ซึ่งมีความพร้อมทั้งทางด้านการเลี้ยงโคนม การแปรรูปน้ำนมดิบในรูปแบบของพาสเจอร์ไรท์ UHT และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในการขยายตลาดนมและผลิตภัณฑ์เข้าสู่ประเทศจีน
ทั้งนี้ อ.ส.ค. จะเน้นจุดขาย นมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนที่หันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพและรวมไปถึงคนรุ่นใหม่ที่นิยมดื่มนมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
"กระบวนการแปรรูป เครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตนมของไทยและจีนมีความใกล้เคียงกัน ประเทศจีนได้เปรียบในเรื่องของภูมิประเทศและอากาศ มีการเลี้ยงโคนมในทุ่งหญ้าซึ่งมีสภาพอากาศคล้ายยุโรปหรือ นิวซีแลนด์ในขณะที่ประเทศไทยก็มีข้อได้เปรียบในด้านของการเลี้ยงโคนมด้วยอาหารข้น ซึ่งใช้วัตถุดิบที่ผลิตได้ภายในประเทศ ซึ่งหากไทยมีการเพิ่มจำนวนการเลี้ยงโคนมในประเทศทางตอนเหนือของประเทศไทย บริเวณชายแดนพม่าและลาว ก็จะทำให้สะดวกต่อการขนส่งนมไปยังประเทศเพื่อนบ้านและเข้าสู่ประเทศจีนได้ง่ายและสะดวกขึ้น ซึ่งในอนาคตหากเรามีความร่วมมือกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนมของจีนได้ จีนจะถือเป็นตลาดนมที่สำคัญของไทยและนับเป็นช่องทางในการกระจายสินค้านมของประเทศในช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดมากเกินความต้องการบริโภคภายในประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย" นายนิวัติ กล่าว