นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในระหว่างการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือแบบทวิภาคีกับผู้นำประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกา พร้อมมอบนโยบายการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับทูตพาณิชย์ในภูมิภาคอเมริกา เม็กซิโกและอาร์เจนตินา ร่วมกิจกรรมครัวไทยสู่ครัวโลก มอบเครื่องหมายไทยซีเล็กท์ พร้อมกับร่วมชมการจัดแสดงอาหารไทย รวมไปถึงการทำบิสซิเนสแมทซิ่งของผู้ส่งออกการไทยกับผู้นำเข้าสหรัฐฯ
"นายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการผลักดันเศรษฐกิจไทยกับทูตพาณิชย์ ซึ่งเห็นว่าภาคการส่งออกที่มีสัดส่วนสูงประมาณ 65% ของจีดีพี และการจะกระตุ้นการส่งออกในปีนี้ให้ฟื้นตัวและขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 7.23% เป็นความท้าทาย เนื่องจากการค้าโลกได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและทวีความรุนแรงในการแข่งขันเพิ่มขึ้น วิกฤตซับไพร์ม หนี้สาธารณะในยุโรป อุทกภัยในประเทศ จึงควรหาแนวทางร่วมกัน" นายบุญทรง กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดภูมิภาคอเมริกาเหนือ(สหรัฐฯ และแคนาดา) มีมูลค่าส่งออก 7 เดือนแรก(ม.ค.-ก.ค.55) 14,166 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดลาตินอเมริกา มีมูลค่า4,599 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 19% แม้ว่าตลาดสหรัฐฯเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่เชื่อมั่นว่าในทุกตลาดย่อมมีโอกาสทางการค้าใหม่ๆ เสมอ ขอให้แสวงหาช่องทางการค้าสำหรับสินค้าและบริการที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังตลาดนั้นๆ มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ขาดปัจจัยด้านเงินทุน ดังนั้นจำเป็นต้องส่งเสริมการขยายตลาดเชิงรุก เพื่อลดผลความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของตลาดหลักเดิมและสร้างตลาดใหม่
"นายกฯ ขอให้ทูตพาณิชย์คอยช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยในการแสวงหาช่องทางไปลงทุน หรือแสวงหาวัตถุดิบและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต จัดทำฐานข้อมูลทางการค้าและการลงทุนเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชน พร้อมจัดทำยุทธศาสตร์ในการขายตลาดการค้าที่ชัดเจนและละเอียด ทั้งในระยะสั้น กลางและยาว ติดตามและรายงานข้อมูลกฎระเบียบทางการค้า แนวโน้มสินค้า เทคโนโลยีใหม่ๆ ในประเทศที่ประจำการอยู่ และเผยแพร่ให้ภาคเอกชนทราบต่อเนื่อง รวมถึงไปสภาวการณ์การแข่งขันและสิ่งที่คู่แข่งของเราเริ่มนำมาใช้ เพื่อช่วยให้ภาคเอกชนกำหนดแผนกลยุทธ์ในการผลิต ออกแบบและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการของตลาด" นายบุญทรง กล่าว
ร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การเจาะตลาดเฉพาะทางในตลาดเดิมนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจสูงและประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา มีการปรับเปลี่ยนโดยชะลอการซื้อสินค้าราคาสูง(big ticket) ลดการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย เช่น การรับประทานอาหารนอกบ้าน การไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ และพิจารณาเลือกซื้อสินค้าที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยังคงให้ความสำคัญต่อคุณภาพของสินค้า/บริการ การรักษาสิ่งแวดล้อม สินค้าสุขภาพ ออร์แกนิค ดั้งนั้นมาตรการส่งเสริมการขายสินค้าที่ยังมีศักยภาพในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ คือ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้ากลุ่มเป้าหมาย สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ คนพิการ คนอ้วน สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง สินค้าประเภท Gourmet และ Fancy Food เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่า ต้องสนับสนุนเร่งรัดและขยายผลการทำการค้าออนไลน์ทั้งในตลาดใหม่และตลาดเก่า เนื่องจากพฤติกรรมการซื้อของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันในตลาดทั่วโลก มีความนิยมที่จะหาข้อมูลและซื้อของออนไลน์มากขึ้น จึงควรส่งเสริมการใช้ประโยชน์ www.thaitrade.com อบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ในการทำ เว็บไซต์ วิธีการขายสินค้า และการทำการตลาด รวมถึงการสนับสนุนการทำเว็บไซต์เป็นภาษาต่างประเทศเพื่อเข้าถึงตลาดทั่วโลก การเชื่อมโยงการใช้บริการ Third Party Logistics เพื่อสนับสนุนให้สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น ช่วยลดภาระด้านการจัดการขนส่งและจัดเก็บสินค้าคงคลัง และลดต้นทุน สร้างพันธมิตรและเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว และจัดออนไลน์อีเว้นท์ เพื่อกระตุ้นความสนใจ สร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยและสินค้าไทย