นายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าววานนี้ว่า แผนการซื้อพันธบัตรที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันครั้งใหม่ของเฟด หรือที่เรียกกันว่า QE3 นั้น แทบจะไม่ส่งผลให้การช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือช่วยลดอัตราว่างงานแต่อย่างใด พร้อมระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจจะบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเฟดด้วย
นายพลอสเซอร์ได้แสดงท่าทีคัดค้านการตัดสินใจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) ในการประชุมเมื่อต้นเดือนนี้ในการซื้อพันธบัตรวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ ในการประชุมดังกล่าว เฟดได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % พร้อมขยายระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557
ประธานเฟดฟิลาเดลเฟียระบุว่าความพยายามของเฟดในการตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปไม่มีแนวโน้มจะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากภาคครัวเรือยังคงมีการออมเพิ่มขึ้น และยังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาภาวะชะลอตัวในตลาดแรงงานด้วย
นายพลอสเซอร์กล่าวว่าความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการ QE3 มีแนวโน้มจะมากกว่าประโยชน์ที่อาจจะมีเพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ เขาคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวราว 2% ในปีนี้ และจะกระเตื้องขึ้นที่ราว 3% ในปี 2556 และ 2557 ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีแนวโน้มจะเริ่มมีการใช้จ่ายเงินจำนวนมาก ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ
ความคิดเห็นของนายพลอสเซอร์เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 101.37 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 13,457.55 จุด