สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลอดทั้งไตรมาส 3 นั้น สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 11%
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,773.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 34.577 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 8.9 เซนต์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1665.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 19.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 640.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.40 ดอลลาร์
สัญญาทองคำปิดปรับตัวลงหลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันก่อน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสัญญาทองคำจะอ่อนแรง 0.2% ในสัปดาห์นี้ แต่ก็เพิ่มขึ้นทั้งหมด 5% ในเดือนกันยายนและเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อพิจารณาเป็นรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2553
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปัจจัยที่ทำให้สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นในเดือนนี้มาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3) เนื่องจากนโยบายดังกล่าวถือเป็นปัจจัยหนุนสำหรับทองคำ เพราะนักลงทุนมักจะเข้าถือครองทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากมาตรการดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าสัญญาทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการ QE3 แต่การซื้อขายเมื่อวันศุกร์ก็ยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์
โดยดอลลาร์ปรับตัวขึ้นหลังผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารในสเปนบ่งชี้ว่า ธนาคารส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบถึงแม้ว่าจะยังขาดเงินทุนอีก 5.93 หมื่นล้านยูโร ในกรณีที่เศรษฐกิจยูโรโซนทรุดตัวลงอย่างรุนแรง การแข็งค่าของดอลลาร์ถือเป็นปัจจัยลบสำหรับสัญญาทองคำ เนื่องจากจะมีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ที่ถือครองเงินสกุลอื่นๆ