ผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ระบบธนาคารสเปนซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โอลิเวอร์ วายแมน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอิสระ ระบุว่า ธนาคารสเปนจำเป็นต้องระดมเงินทุนเพิ่มอีก 5.93 หมื่นล้านยูโร (7.63 หมื่นล้านดอลลาร์)
รายงานระบุว่า บังเกีย ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 4 ของสเปน มีความต้องการเงินทุนมากที่สุดถึง 2.47 หมื่นล้านยูโร หรือกว่าครึ่งหนึ่งของวงเงินทั้งหมดที่ธนาคารสเปนจะต้องระดมทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารบีเอฟเอ-บังเกีย, ธนาคารโนวากาลิเซีย บังโค, ธนาคารบังโค เดอ วาเลนเซีย และธนาคารไคซาคาตาลุนยา จำเป็นต้องได้รับการอัดฉีดเงินทุนเพิ่มเป็น 4.62 หมื่นล้านยูโร
ส่วนธนาคารบังโค ป๊อปปูเลร์, ธนาคารบังโค แมร์ นอร์สตรัม และธนาคารไลเบอร์แบงก์ ก็จำเป็นต้องได้รับเงินทุนเพิ่มเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม รายงานของโอลิเวอร์ วายแมน ระบุว่า ธนาคารซานตานเดร์, ธนาคารบีบีวีเอ, ธนาคารไคซาแบงก์, ธนาคารซาบาเดลล์, ธนาคารบีบีเค-คัทซา-ไวทัล และธนาคารยูนิคาจา ยังไม่จำเป็นต้องได้รับการอัดฉีดเงินทุนเพิ่ม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) ได้เสนอวงเงินช่วยเหลือภาคธนาคารของสเปนมูลค่า 1 แสนล้านยูโร
นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้แสดงความพอใจกับผลการทดสอบภาวะวิกฤตครั้งนี้ โดยกล่าวว่าการทดสอบภาวะวิกฤตและมูลค่าของสินทรัพย์อย่างละเอียดและโปร่งใสนี้จะเป็นมาตรวัดฐานเงินทุนของสถาบันการเงินและปริมาณเงินทุนสมทบที่ภาคธนาคารต้องการจากรัฐบาลอย่างแท้จริง