บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ (1-5 ต.ค.)จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบเดิม โดยเบรนท์จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 105-115 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดทวีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์หนี้ยุโรปโดยเฉพาะในสเปนและกรีซยังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้ความเป็นไปได้ลดน้อยลงในการที่อิสราเอลจะเข้าโจมตีอิหร่านในเร็วๆ นี้ ติดตามดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยุโรปและจีน การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรป
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยุโรปและจีน ที่คาดว่าจะหดตัวลงต่อเนื่อง การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มดีขึ้นเพียงเล็กน้อย และการประชุมธนาคารกลางสหภาพยุโรปในวันที่ 4 ต.ค.ที่อาจมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ความกังวลต่อปัญหาหนี้ในสเปนที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงว่าสเปนจะตัดสินใจขอรับเงินช่วยเหลือเมื่อไหร่ เพื่อจะนำไปสู่การที่ธนาคารกลางยุโรปจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล หลังแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับใหม่มีความสอดคล้องกับเงื่อนไขในการรับเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป โดยมีความเป็นไปได้มากว่าสเปนจะรอให้การเลือกตั้งท้องถิ่นในวันที่ 21 ต.ค. เสร็จสิ้นลงก่อนจึงค่อยตัดสินใจ
ความกังวลต่อปัญหาโครงการนิวเคลียร์อิหร่านยังคงมีอยู่ แม้ว่าความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะเข้าโจมตีอิหร่านในช่วงเวลาอันใกล้นี้จะลดน้อยลงแต่คาดว่าจะเป็นช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนปีหน้าแทน ซึ่งเป็นช่วงที่อิสราเอลคาดว่าอิหร่านจะสามารถพัฒนานิวเคลียร์ไปจนถึงขั้นของการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้
การส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในแถบทะเลเหนือ (Buzzard) ที่จะล่าช้าออกไปอีกเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ จากกำหนดเดิมในเดือน ต.ค. เนื่องจากการซ่อมบำรุงที่มีระยะเวลายาวนานขึ้น ส่งผลต่อความกังวลเรื่องอุปทานน้ำมันดิบในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี ปริมาณอุปทานน้ำมันดิบคาดว่าจะอยู่ในภาวะเพียงพอต่อความต้องการใช้ในช่วงไตรมาส 4 และปีหน้า หลังซาอุดิอาระเบียยังคงกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับสูง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบปริมาณ 350,000 บาร์เรลต่อวัน ของซูดานใต้คาดว่าจะกลับมาในปีหน้าหลังสามารถตกลงเรื่องเขตแดนกันได้กับซูดาน