ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ระบุว่า ธนาคารสเปนจำเป็นต้องระดมเงินทุนเพิ่มในสัดส่วนที่น้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวดีเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.4% ปิดที่ 272.33 จุด ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3434.98 จุด บวก 80.16 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7326.73 จุด บวก 110.58 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5820.45 จุด บวก 78.38 จุด
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารสเปนที่ออกมาดีเกินคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 77.98 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 13,515.11 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.82 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 1,444.49 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.70 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 3,113.53 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐจะช่วยหนุนอุปสงค์พลังงานให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 92.48 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 91.26-93.33 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปรับตัวลง 20 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 112.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 111.47-113.27 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดของสหรัฐ และหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกที่แสดงความเห็นว่าโครงการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ QE3 อาจดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 9.4 ดอลลาร์ หรือ 0.53% ปิดที่ 1,783.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1788.6 - 1788.6 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 34.952 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 37.50 เซนต์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,685.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 16.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 645.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.80 ดอลลาร์
-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับยูโรและฟรังค์สวิส หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกที่แสดงความเห็นว่าโครงการซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ QE3 อาจดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.000 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 77.900 เยน แต่อ่อนแรงลง 0.17% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9380 ฟรังค์ จากระดับ 0.9396 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.22% แตะที่ 1.2886 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2858 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.22% แตะที่ 1.6128 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6164 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.14% แตะที่ 1.0362 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0377 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.29% แตะที่ 0.8273 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8297 ดอลลาร์สหรัฐ
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ระบุว่า ธนาคารสเปนจำเป็นต้องระดมเงินทุนเพิ่มในสัดส่วนที่น้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวดีเกินคาดของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 78.38 จุด หรือ 1.37% ปิดที่ 5,820.45 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,738.59-5,843.54 จุด