นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจเดินหน้าผลักดันมาตรการต่าง ๆ ในช่วงที่เหลือในปีนี้อย่างเต็มที่แม้ว่าจะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปีก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อทำให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมายในช่วง 5-6%
"เราคงพึ่งส่งออกแล้วให้เศรษฐกิจเติบโตดีไม่ได้อีกแล้ว แต่ภาคอื่นๆเรายังคงทำงานและทำให้เป้าหมายการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่เคยวางเป้าหมายเดิมคือระหว่าง 5-6% ขณะนี้ตัวเลข 5.5-5.7% ยังเป็นตัวเลขที่เชื่อว่าสามารถทำได้ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ชะลอ เพราะยังมีอีกหนึ่งไตรมาสของปีปฏิทินที่จะต้องทำงานกัน"นายกิตติรัตน์ กล่าวภายหลังการประชุม
นายกิตติรัตน์ กล่าวยืนยันว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ดี โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ งานทางด้านการส่งออกก็จะมีการดำเนินการขยายตลาดใหม่ๆ ในประเทศจีน ยุโรปให้ครอบคลุมมากขึ้น ส่วนด้านการท่องเที่ยว ซึ่งอีกประมาณ 2 สัปดาห์จะผ่านพ้นช่วงฤดูฝนเชื่อว่าบรรยากาศการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาคึกคักมากขึ้น และยังมีเวลา 2 เดือนในการเตรียมตัวต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงไฮซีซั่น
สำหรับการใช้จ่ายในภาครัฐในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ จะเร่งดำเนินการโดยเฉพาะหน่วยงานใดที่มีการจัดทำร่างทีโออาร์โครงการต่าง ๆ ไว้ตั้งแต่เดือนก.ค.55 เมื่อถึงงบประมาณใหม่เริ่มเดือนต.ค.55 ก็จะสามารถเริ่มการจัดซื้อจัดจ้างได้ทันที ขณะที่การลงทุนของภาคเอกชนก็ได้มีการติดตามภาวะการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งขณะนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์การเติบโตที่ดี โดยย้ำว่าทุกนโยบายและทุกการดำเนินการของรัฐบาล มั่นใจว่ายังมีเสถียรภาพเติบโตที่ดีและไม่มีอะไรแตกต่างจากเป้าหมายเดิม
ส่วนข้อกังวลว่ารัฐบาลอาจจะไม่สามารถตรึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)ได้จนถึงสิ้นปีนั้น และอาจจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและราคาสินค้าต่างๆ นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวยืนยันว่า หากมีข้อสรุปว่าจะปรับราคา LPG ก็จะทยอยปรับ ไม่ปรับขึ้นแบบฮวบฮาบ หรือหากจะตรึงราคาต่อก็ต้องมีการพิจารณาว่าการตรึงราคาในระยะสั้นต้องคำนึงถึงประโยชน์ในระยะยาว และจะพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ให้กระทบภาคครัวเรือน เนื่องจากเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหากราคาพลังงานจะขยับก็ต้องขยับอย่างเหมาะสมและเป็นไปตามกลไกตลาด รวมถึงเป็นการเตรียมพร้อมที่จะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วย
นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายย้ำว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการจำนำข้าว เนื่องจากเป็นโครงการที่ดีและโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมรับฟังความเห็นและคำติติงต่างๆ
ส่วนที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวนั้นมองว่า เป็นการเตือนให้รัฐบาลมีความระมัดระวัง โดยจะนำความเห็นต่าง ๆ ไปปรับปรุงรูปแบบการทำงาน เพื่อป้องกันการรั่วไหลให้ได้มากที่สุด
"ผมมั่นใจว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ดี และผมก็มั่นใจว่าอาจารย์วีรพงษ์ก็มองว่าเป็นนโยบายที่ดีท่านถึงได้บอกว่าถ้าทำไม่ดี ไม่ได้ผลก็เป็นเรื่องเสียหาย"นายกิตติรัตน์ กล่าวตอนท้าย