รายงานฉบับล่าสุดของ PwC เผยให้เห็นว่า ธนาคารรายใหญ่สุด 10 แห่งของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นมีผลกำไรสุทธิที่ชะลอลงอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก อันเนื่องมาจากหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น
รายงานระบุว่า ธนาคาร 10 แห่งดังกล่าวมีผลกำไรสุทธิรวม 5.132 แสนล้านหยวน (8.15 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวของผลกำไรลดลงจากการขยายตัว 34% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ผลกำไรที่ขยายตัวในอัตราชะลอลงเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ประกอบกับส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากที่กว้างขึ้น
รายงานยังระบุด้วยว่า การที่หน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบค่าธรรมเนียมการบริการและผลิตภัณฑ์พันธบัตรรูปแบบใหม่ๆอย่างเข้มงวด ก็ถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กำไรขยายตัวช้าลง
สำหรับธนาคาร 10 อันดับสูงสุดของจีนประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์ของรัฐ อาทิ ธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า และธนาคารพาณิชย์ร่วมหุ้น อาทิ ธนาคารไชน่า เมอร์แชนท์ส แบงก์ และธนาคารไชน่า ซิติก แบงก์
ขณะที่สินทรัพย์ของธนาคาร 10 อันดับสูงสุดของจีนอยู่ที่ 76 ล้านล้านหยวน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 10.68% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปีที่แล้ว โดยสินทรัพย์ของธนาคาร 10 อันดับสูงสุดของจีนคิดเป็น 77% ของภาคธนาคารทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ยอดรวมของสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.567 แสนล้านหยวน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.3 พันล้านหยวน เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี สัดส่วน NPL โดยเฉลี่ยของธนาคาร 10 อันดับเหล่านี้ ลดลง 0.02% แตะที่ 0.78% สำนักข่าวซินหัวรายงาน