สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 เมื่อเทียบกับเงินเยน และแข็งค่าขึ้นมากสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ระบุว่า ประเทศในยูโรโซนมีความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤตหนี้ที่ดำเนินมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน
ยูโรปรับตัวขึ้น 0.7% สู่ระดับ 101.98 เยน ณ เวลา 13.58 น.ในลอนดอน หลังจากที่พุ่งแตะ 102.11 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. ขณะเดียวกัน ยูโรแข็งค่าขึ้น 0.6% แตะ 1.2976 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากพุ่งสูงถึง 0.7% ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.
นายดรากิกล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมวันนี้ว่า อีซีบีพร้อมที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศต่างๆในยูโรโซน ภายใต้โครงการ Outright Monetary Transactions (OMTs) หากขั้นตอนดำเนินการต่างๆเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรปมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ หลังจากที่อีซีบีเพิ่งประกาศโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนในการประชุมเดือนที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศต่างๆในภูมิภาคให้ลดลง
ในการประชุมเดือนก.ย. สภาบริหารของอีซีบีได้ตัดสินใจทำธุรกรรม Outright Monetary Transactions ในตลาดรอง เพื่อซื้อพันธบัตรของประเทศต่างๆในยูโรโซน โดยจะเป็นการซื้อโดยไม่จำกัดจำนวน และการทำธุรกรรมดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การฉุดต้นทุนการกู้ยืมให้ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนการกู้ยืมของพันธบัตรที่มีกำหนดไถ่ถอนในระยะเวลา 1-2 ปี
การทำธุรกรรม OMTs มีลักษณะคล้ายกับโครงการ Securities Market Program (SMP) ที่อีซีบีเคยนำมาใช้เพื่อซื้อพันธบัตรของรัฐบาลในยูโรโซนเมื่อเดือนพ.ค.2553 ส่วนในครั้งล่าสุดนี้ อีซีบีได้ตัดสินใจว่าจะจัดการกับสภาพคล่องที่เกิดจากธุรกรรม OMTs ให้อยู่ในภาวะสมดุล เพื่อผ่อนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในระบบ