นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังคงติดตามภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง หลังจากเริ่มเห็นแนวโน้มสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวค่อนข้างสูง รวมถึงจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และราคาที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะอาคารชุด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายบ้านหลังแรกของรัฐบาล แต่มองว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก็ฟื้นตัวต่อเนื่องในเกณฑ์ที่ดีด้วย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีแรงกดดันให้เงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งปีที่ 2.9% เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่มีประเด็นที่น่ากังวล แม้เศรษฐกิจโลกจะได้รับการกระตุ้นจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่(QE3)ก็ตาม และรัฐบาลยังขยายเวลาการยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปเป็นระยะ
อนึ่ง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนก.ย.ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศสูงขึ้น 3.38% เนื่องจากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนฐานะต่ำ ประกอบกับรัฐบาลเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตสุราบุหรี่เพิ่มเติมแต่เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ถือว่าเป็นไปตามที่ธปท.คาดการณ์ไว้
สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่ามาตรการ QE3 ของสหรัฐจะส่งผลกระทบให้เงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นนั้น ส่วนตัวเห็นว่าหากมองในแง่ดีที่ QE3 ทำให้ความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ความจำเป็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะอัดฉีดเม็ดเงิน 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนเข้าสู่ระบบแบบไม่จำกัดระยะเวลาก็อาจมีน้อยลง หรือไม่จำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินก็ได้
ส่วนกรณีที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย(ADB)ออกมาระบุว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง แต่รัฐบาลก็ไม่ควรดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไปนั้น ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลควรกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเน้นการลงทุนที่เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาว