รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายยูอิชิโร ฮะตะ รมว.ที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยว และ รมต.ที่กำกับดูแลนโยบายทางทะเล ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทย เพื่อแสดงความพร้อมในการเข้าร่วมโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย โดยมีความสนใจการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำและระบบรถไฟความเร็วสูง
โดยในส่วนของโครงการบริหารจัดการน้ำ ญี่ปุ่นได้แสดงความสนใจและความพร้อมซึ่งขอให้รัฐบาลไทยสนับสนุนบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-ญี่ปุ่นที่สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยจะให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใสและเป็นธรรม โดยเน้นเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พร้อมกับขอให้ญี่ปุ่นนำเสนอเทคโนโลยีที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับการประมูลโดยใช้จุดแข็งที่มีอยู่ เช่น การวางผังและการบริหารจัดการเมือง ประสบการณ์การจัดการอุทกภัย และการบำรุงรักษา ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมให้การสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวและยืนยันประสบการณ์ของญี่ปุ่นด้านเทคโนยีในการป้องกันภัยพิบัติในระยะยาว
ส่วนโครงการพัฒนาการขนส่งระบบรางนั้น รมว.ที่ดินฯ ญี่ปุ่น ได้ย้ำความพร้อมและศักยภาพในโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือระบบรางกับ รมว.คมนาคมของไทยในระหว่างการเดินทางไปเยือนวันที่ 9 ต.ค. เพื่อสนันสนุนและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสองประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ไทยให้ความสำคัญมาก และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการจัดการประมูลภายในปี 2556 โดยไทยจะเน้นการสนันสนุน เรื่องการพัฒนาบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยให้ความสนใจเร่งด่วน และการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองที่รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน รวมถึงการผสมผสานการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่น สินค้า OTOP และอาหารไทยในระบบรถไฟความเร็วสูง ซึ่งญี่ปุ่นนับเป็นต้นแบบและนายกรัฐมนตรีได้เคยไปเยี่ยมชมและมีความประทับใจเมื่อครั้งเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ในปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติการณ์ โดยในปีนี้ญี่ปุ่นได้ออกมาตรการที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวแก่ไทย คือ การออกวีซ่าท่องเที่ยวแบบ Multiple ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางเข้าออกญี่ปุ่นได้หลายครั้งภายใน 3 ปี
ในส่วนของไทย นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความพร้อมและศักยภาพของไทยที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เช่น การท่องเที่ยวแบบ Long stay สำหรับผู้สูงอายุด้วย