นายพอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลระบุว่า เขาไม่สงสัยในข้อมูลว่างงานล่าสุดของสหรัฐ ซึ่งเป็นมุมมองที่สวนทางกับตลาดที่แสดงความกังขาในข้อมูลดังกล่าว ท่ามกลางการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด
นายครุกแมนระบุในบทความล่าสุดในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ว่า รายงานตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างที่เพิ่งมีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและออกมาดีเกินคาดนั้น ทำให้เกิดปฏิกริยาจากหลายฝ่ายในทันทีว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับแต่งตัวเลขขึ้นมา ซึ่งนายครุกแมนมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ โดยให้เห็นผลว่า ตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานจัดทำขึ้นโดยข้าราชการที่มีความเป็นมืออาชีพในสังกัดหน่วยงานที่ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง
เขากล่าวต่อไปว่า หากพิจารณาแนวโน้มในช่วงปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าผลสำรวจของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งพุ่งเป้าไปที่กลุ่มนายจ้างและภาคครัวเรือนนั้น บ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการสร้างงานแซงหน้าการขยายตัวของประชากรวัยทำงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า อัตราว่างงานลดลงจาก 8.1% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 7.8% ในเดือนก.ย. โดยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปีที่อัตราว่างงานต่ำกว่า 8% และสอดคล้องกับตัวเลขในช่วงที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาเข้าบริหารประเทศ
ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 114,000 ตำแหน่ง
“ข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงถึงอัตราว่างงานที่ลดลงแตะ 7.8% จาก 8.1% แต่คุณไม่ควรให้ความสนใจมากเกินไปกับตัวเลขเพียงแค่เดือนเดียว ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการที่อัตราว่างงานมีแนวโน้มขาลงอย่างยั่งยืน"
ก่อนหน้านี้ นายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน กล่าวโจมตีหลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานล่าสุดว่า ข้อมูลจ้างงานไม่ได้ดีขึ้นเลย
"การจ้างงานเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าเดือนส.ค.เสียอีก" นายรอมนีย์กล่าวถึงตัวเลขเดือนส.ค.ที่ปรับทบทวนแล้ว ระหว่างหาเสียงที่เมืองอาบิงดอน รัฐเวอร์จิเนีย "ส่วนอัตราว่างงานก็ลดลงช้ามากๆ แต่ในที่สุดก็ลดลงเพราะมีชาวอเมริกันมากขึ้นๆที่เลิกหางานแล้ว" สำนักข่าวซินหัวรายงาน