กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า ญี่ปุ่นอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะคล้ายกับที่หลายประเทศในยูโรโซนกำลังเผชิญอยู่ พร้อมกับเตือนเรื่องระดับหนี้สินของญี่ปุ่นที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของธนาคารพาณิชย์ อันเนื่องมาจากการลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาล
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเร่งใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อฟื้นฟูสถานะการคลังซึ่งอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และแนะนำให้ธนาคารภายในประเทศตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการมีหนี้สินจำนวนมาก
"ปัญหาต่างๆในปัจจุบันของยูโรโซนทำให้ญี่ปุ่นต้องมีความระมัดระวัง เมื่อพิจารณาจากการที่ญี่ปุ่นมีภาระหนี้สินสาธารณะในระดับที่สูงมาก และคาดว่าธนาคารพาณิชย์และรัฐบาลจะมีการพึ่งพาระหว่างกันมากขึ้นในระยะกลาง" ไอเอ็มเอฟระบุในรายงานเสถียรภาพการเงินโลกฉบับล่าสุด
ญี่ปุ่นได้รับประโยชน์จากกระแสเงินทุนไหลเข้าจำนวนมากจากต่างประเทศอันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติต้องการถือครองสินทรัพย์ของญี่ปุ่นซึ่งมีความปลอดภัย และต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลญี่ปุ่นก็ปรับตัวลดลงเกือบแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
แต่ในขณะเดียวกัน ปัจจัยเหล่านี้ก็ผลักดันให้สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการผลิตของประเทศ
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟระบุว่า ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลให้ภาคเอกชนลดความต้องการในการกู้ยืมเงินจากธนาคาร อีกทั้งยังบีบให้ธนาคารตอบสนองสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการหันไปถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
"บทเรียนสำคัญในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องแก้ไขภาวะไร้สมดุลก่อนที่ตลาดจะเผชิญกับความวิตกกังวลด้านสินเชื่อ" ไอเอ็มเอฟกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้ทางการญี่ปุ่นดำเนินการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวโดยเร่งด่วน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน