ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 18-19 ก.ย. โดยระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจได้ตัดสินใจใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในเดือนก.ย. อันเนื่องมาจากมุมมองที่ว่า ความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจและราคาสินค้าผู้บริโภค "อ่อนแอลง"
ในการประชุมดังกล่าว คณะกรรมการกำหนดนโยบายของบีโอเจเห็นพ้องต้องกันว่า ระยะเวลาที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวในระดับปานกลางได้นั้นอาจจะ "เป็นไปอย่างล่าช้าอย่างมาก" เมื่อเทียบกับที่บีโอเจได้คาดการณ์เอาไว้ในรายงานเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 18-19 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น บีโอเจได้ตัดสินใจขยายโครงการซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยน เป็น 80 ล้านล้านเยน โดยผ่านการซื้อพันธบัตรของรัฐบาล เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนั้นแล้ว หนึ่งในคณะกรรมการบีโอเจยังได้แสดงความเห็นว่า บีโอเจควรจะเพิ่มขนาดการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงด้วย
ขณะที่สมาชิกอีกคนหนึ่งของบีโอเจระบุว่า การเพิ่มขนาดการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบีโอเจ เพื่อ "ปูทางสู่การกระตุ้นการคาดการณ์ด้านเงินเฟ้อ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ"
ส่วนเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น คณะกรรมการบีโอเจมีมุมมองว่า ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยหลังเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ปีที่แล้วนั้น ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวนั้น แต่การฟื้นตัวดังกล่าวอาจจะไม่ยาวนานเท่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะปัจจัยดังกล่าวอาจถูกขัดขวางด้วยภาวะอ่อนแอด้านการส่งออกและการผลิตในภาคอุตสาหกรรม
สมาชิกคนหนึ่งของบีโอเจกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริง อาจจะยังคง "ทรงตัว ไม่มากก็น้อย" หรือขยายตัวในอัตราที่ต่ำอย่างมากในระยะนี้ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน