ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.8% ปิดที่ 270.84 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,413.72 จุด เพิ่มขึ้น 47.85 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 7,281.70 จุด เพิ่มขึ้น 76.47 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,829.75 จุด เพิ่มขึ้น 53.04 จุด
-- -ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของภาคเอกชน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 18.58 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 13,326.39 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.28 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 1,432.84 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 2.37 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 3,049.41 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากความวิตกกังวลที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดที่รุนแรงขึ้นระหว่างตุรกีและซีเรียอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันจากตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 92.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 91.09-92.94 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.38 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 115.71 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 114.42-116.02 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น ยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,770.6 ดอลลาร์/ออน์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,760.20-1,776.60 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 34.082 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.70 เซนต์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,689.60 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 11.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 650.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์
-- สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ควรจะให้ประเทศยูโรโซนที่ประสบปัญหาหนี้มีเวลามากขึ้นในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสามารถชดเชยปัจจัยลบจากข่าวสเปนถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 2 ขึ้น
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.47% แตะที่ 1.2934 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.2874 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.22% แตะที่ 1.6038 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6003 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.20% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.330 เยน จากระดับ 78.170 เยน และร่วงลง 0.49% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9342 ฟรังค์ จากระดับ 0.9388 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.43% แตะที่ 1.0272 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0228 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.28% แตะที่ 0.8181 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8158 ดอลลาร์สหรัฐ
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) หลังจากสหรัฐรายงานว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 53.04 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 5,829.75 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,766.69-5,846.30 จุด