นายอนูป ซิงห์ ผู้อำนวยการองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประจำเอเชีย แปซิฟิกเปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิกชะลอตัวลง
"สำหรับเอเชียโดยรวม การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ร่วงสู่อัตราต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2551" นายซิงห์กล่าวในการแถลงต่อสื่อมวลชน
รายงานระบุว่า ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งหนักหน่วงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ เป็นผลพวงจากวิกฤตในยุโรปและปัญหาทางการคลังผ่านผลกระทบด้านช่องทางการค้า ขณะที่การฟื้นตัวในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วประสบภาวะทรุดตัว
แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มในอนาคต คาดว่าการขยายตัวจะค่อยๆกระเตื้องขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเอเชียน่าจะยังคงเป็นผู้นำการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก โดยจะขยายตัวเร็วกว่าอัตราขยายตัวเฉลี่ยของโลกอยู่ 2%
ไอเอ็มเอฟประเมินว่าจีนเป็นกลไกขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกที่สำคัญ และการขยายตัวด้านการลงทุนในจีนที่ลดลงทุกๆ 1% จะส่งผลให้การขยายตัวของจีดีพีปรับลงกว่า 0.5% ในช่วง 4 ไตรมาสในกลุ่มประเทศที่ห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคมีความเกี่ยวพันใกล้ชิดมากที่สุดกับจีน ซึ่งได้แก่ เกาหลีใต้ มาเลเซียและไต้หวัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน