นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยในโอกาสเข้ารับตำแหน่งแทนนางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ที่ไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดด้านการค้าน้ำมันดิบทั่วโลก (ประจำประเทศอังกฤษ) ว่า เชลล์ได้กำหนดทิศทางการลงทุนในการจัดการพลังงานใหม่ๆ ให้มีความหลากหลาย และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ 3 แนวทางคือ การใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม สร้างพันธมิตรการลงทุน และการพัฒนาบุคลากร
และการเปิดเออีซีในปี 2558 ก็เป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจพลังงาน เนื่องจากเชลล์ประเมินว่าความต้องการใช้พลังงานในโลกต่อจากนี้ไปจะเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็น 9,000 ล้านคน ในปี 2050 จากปีนี้ที่มีประชากรประมาณ 7,000 ล้านคน ทำให้ความต้องการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นกว่า 50% และอีก 20 ปี ความต้องการใช้ไฟฟ้าของอาเซียนเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว และของไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว
ดังนั้น ความต้องการก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้าจะสูงขึ้น ในขณะที่แหล่งในประเทศขุดเจาะสำรวจยากขึ้น ทำให้ต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เช่น อาจเป็น Floating LNG ซึ่งเชลล์ให้ความสนใจ
ด้านนางพิศวรรณ กล่าวว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศยกเลิกการใช้เบนซิน 91 ในวันที่ 1 ม.ค.55 เป็นต้นไป ทำให้เชลล์มีความสนใจที่จะนำน้ำมันเบนซิน 95 มาขายแทนให้กลับกลุ่มลูกค้าที่ยังมีความต้องการใช้และกลุ่มที่ไม่สามารถไปใช้แก๊สโซฮอล์ได้ รวมถึงจะนำ E20 มาขายด้วย เนื่องจากราคาขายปลีกต่ำกว่าน้ำมันชนิดอื่น โดยน้ำมันของเชลล์จะต้องมีการใช้เทคโลยีในกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนจะเริ่มขายน้ำมันทั้ง 2 ชนิดเมื่อใดยังไม่ได้ข้อสรุป แต่คาดว่าคงทยอยออกมาขายทีละประเภท