สกุลเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่าสเปนจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินหรือไม่
ค่าเงินยูโรขยับลงเพียง 0.01% แตะที่ 1.2949 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2950 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ขยับลง 0.02% แตะที่ 1.6066 ดอลลาร์สหรับ จากระดับ 1.6070 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.680 เยน จากระดับ 78.420 เยน และขยับลง 0.01% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9332 ฟรังค์ จากระดับ 0.9333 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.22% แตะที่ 1.0251 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0229 ดอลลาร์สหรัฐ และพุ่งขึ้น 0.26% แตะที่ 0.8186 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8165 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรเคลื่อนตัวอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อจับตาดูว่าสเปนจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินหรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์ ในวันที่ 18-19 ต.ค.นี้
อังเคิล กูร์เรีย เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) แนะนำให้สเปนขอความช่วยเหลือจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ให้เริ่มดำเนินการเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยสเปนกำลังเผชิญกับเสียงเรียกร้องให้ขอรับความช่วยเหลือ เพื่อคลี่คลายความวิตกกังวลในตลาดที่มีต่อสถานะการเงินของประเทศ ซึ่งสเปนจำเป็นต้องดำเนินการก่อนที่อีซีบีจะเริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลแบบไม่จำกัดวงเงิน
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% แตะ 412.94 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนที่ 3 ติดต่อกันหลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนส.ค. และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% สะท้อนว่าผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และจุดประกายความหวังว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นอาจช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวได้ดีกว่าที่มีการประเมินกันไว้