นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า ผลการประมูลคลื่น 3จี ของ กสทช.เป็นไปตามที่คาดหมายของ คือได้ราคาเพิ่มขึ้นจากราคาตั้งต้นเพียงเล็กน้อยเพียง 2.8% เท่านั้น คือ เพิ่มจากราคาเริ่มต้นโดยรวม 9 ใบ ที่ 40,500 ล้านบาท มาเป็นเพียง 41,650 ล้านบาท โดยมีคลื่น 6 ชุดที่มีราคาประมูลเท่ากับราคาตั้งต้น
ทั้งนี้เห็นว่าการประมูลดังกล่าวแม้จะทำให้ประชาชนมีบริการ 3จี ใช้กันอย่างเต็มรูปแบบในปี 56 แต่ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชนในฐานผู้เสียภาษี เมื่อเทียบจากราคาประเมินถึง 16,335 ล้านบาท พร้อมมองว่าผู้ประกอบการทั้ง 3 รายได้ประโยชน์จากส่วนต่างนี้ไปเป็นเสมือนลาภลอย ทั้งนี้ยังไม่รวมประโยชน์ที่ได้จากการลดค่าสัมปทานที่ต้องจ่ายให้รัฐอีกปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญการที่แต่ละรายได้คลื่น 3จี มูลค่าถูกแสนถูกคือต่ำกว่าปีละ 1 พันล้านบาท จะไม่มีผลต่ออัตราค่าบริการ 3จี ที่ประชาชนต้องจ่ายแต่อย่างใด นอกจากจะเพิ่มกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ประกอบการ ดังจะเห็นได้จากราคาหุ้นของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น ผลของการประมูลในครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่าข้อมูลที่ กสทช.พยายามโฆษณาให้ประชาชนเชื่อมาโดยตลอดว่าจะมีการแข่งขันมาก เนื่องจากคลื่นความถี่แต่ละชุดมีความแตกต่างกันมาก เสมือนเป็นที่ดินทำเลดี ติดทะเล กับที่ดินแออัดติดถนนใหญ่ไม่เป็นความจริง และตอกย้ำความเชื่อของสาธารณะชนในวงกว้างที่ว่าการประมูลไลเซ่นส์ครั้งนี้มีลักษณะเอื้อต่อการสมคบกันของผู้ประกอบการ
อีกทั้ง ผลการประมูลยังชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรงของการออกแบบการประมูล 2 ประการคือ 1.การจำกัดคลื่นความถี่ที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะสามารถถือครองได้ให้เท่ากัน ทำให้ไม่เกิดการแข่งขันอย่างที่ควรจะเป็น 2.การกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้เกิดความเสียหายมาก เมื่อไม่มีการแข่งขันกันเท่าที่ควร ทั้งนี้หาก กสทช.ได้รับฟังข้อทักท้วงของฝ่ายต่างๆ ก็จะไม่เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าวขึ้น
"ผมจึงขอเรียกร้องให้ กสทช.รับผิดชอบต่อความเสียหายต่อรัฐและประชาชนที่เกิดขึ้น โดยให้แถลงต่อประชาชนว่าจะมีการรับผิดชอบอย่างไร และขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ นอกจากนี้ในการประมูลคลื่นความถี่ 4จี และคลื่นความถี่อื่นๆ ที่จะมีขึ้นต่อไป ก็ขอให้ระวังอย่าได้ใช้แนวทางเดียวกันมาดำเนินการอีก" นายสมเกียรติ กล่าว