สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าเยอรมนีเปิดกว้างสำหรับการที่สเปนจะขอเครดิตไลน์จากกองทุนช่วยเหลือของยุโรป และดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนต.ค.
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.80% แตะที่ 1.3052 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2948 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.29% แตะที่ 1.6115 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6068 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.880 เยน จากระดับ 78.620 เยน แต่ดิ่งลง 0.77% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9259 ฟรังค์ จากระดับ 0.9331 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.28% แตะที่ 1.0276 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0247 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.50% แตะที่ 0.8136 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8177 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเยอรมนีเปิดกว้างสำหรับการที่สเปนจะขอเครดิตไลน์จากกองทุนช่วยเหลือของยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของนักลงทุนเยอรมนีในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ติดลบ 11.5 จากติดลบ 18.2 ในเดือนก.ย.
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนกันยายน ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าและสอดคล้องกับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
รายงานระบุว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้ว หลังราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน และมีแนวโน้มจะจุดปะทุความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังเป็นไปอย่างเชื่องช้า