นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า นโยบายรับจำนำข้าวว่า รายละเอียดของนโยบายรับจำนำบางส่วนต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อปิดจุดที่จะสร้างปัญหาและลดการรั่วไหล การทุจริตนั้นอาจเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลอมใบประทวน การนำข้าวมาเวียนเทียน สต๊อกลม การสวมสิทธิ ตลอดจน การใช้บริษัทในเครือข่ายรับซื้อข้าวจากรัฐบาล
"รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนวิธีการรับจำนำเสียใหม่ ไม่ให้กลายเป็น การผูกขาดการค้าข้าวโดยรัฐบาล หรือ ตั้งราคาจำนำสูงเกินกว่าราคาตลาดมากๆ ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณราคาที่บิดเบือน ทำให้มีการขยายพื้นที่ปลูกข้าวเกินพอดีเกินศักยภาพและเบียดบังพื้นที่เพาะปลูกพืชผลประเภทอื่น เนื่องจากสามารถขายข้าวในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากกว่า 40% สิ่งนี้ทำให้เกิดการบิดเบือนโครงสร้างการผลิตในภาคเกษตรกรรม เน้นปลูกข้าวที่ให้ผลผลิตเร็วแทนพืชอื่น การรับจำนำแบบคละเกรดอาจทำให้คุณภาพข้าวย่ำแย่ลงในอนาคต เกษตรกรขาดแรงจูงใจผลิตข้าวคุณภาพ" นายอนุสรณ์ กล่าว
หากใช้รูปแบบการรับจำนำในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากกว่า 40% รับจำนำทุกเมล็ด ไม่จำกัดวงเงินรับจำนำต่อครัวเรือนเช่นนี้ สต็อกข้าวของรัฐบาลก็จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนอาจจะเกิดปัญหาในการหาที่เก็บ การมีสต๊อกจำนวนมากขึ้นจะทำให้การระบายข้าวบริหารยากขึ้น เมื่อปล่อยข้าวออกมาในตลาดจะกดราคาในตลาดให้ปรับตัวลดลง รัฐบาลก็จะขาดทุนเพิ่มเติมอีก ส่วนการเก็บข้าวไว้รอให้ราคาตลาดโลกสูงขึ้นค่อยทยอยขาย รัฐก็ต้องมีระบบการจัดเก็บสต๊อกข้าวที่ได้มาตรฐาน เวลานี้ที่รัฐบาลทำอยู่คือการจ้างโรงสีเอกชนดำเนินการ
เมื่อปรับเปลี่ยนการดำเนินการและวิธีการรับจำนำบางส่วนแล้ว นโยบายนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ให้เกิดประโยชน์ต่อชาวนาและเศรษฐกิจโดยรวมโดยไม่ต้องยกเลิก การยกเลิกจะสร้างปัญหาขึ้นมาเช่นเดียวกัน