น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางเยือนรัฐคูเวตเพื่อประชุม ACD ระดับผู้นำครั้งแรกว่า ประเทศไทย-คูเวตมุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจให้เข้มแข็งมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์หากจะใช้ทั้งสองประเทศเป็นประตูเพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศในอาเซียนและประเทศกลุ่มอ่าวอาหรับ โดยนายกรัฐมนตรีคูเวตเห็นพ้องที่จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมชุมชนธุรกิจระหว่างสองประเทศให้มีปฎิสัมพันธ์ระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นายกฯ ได้กล่าวเชิญกองทุนคูเวตเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอาหรับ(Kuwait fund for Arab Economic Development:KFAED) และกองทุนความมั่นคงแห่งชาติคูเวต(Kuwait investment authority:KIA) ให้เข้าร่วมในโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและกรอบความร่วมมืออาเซียนเพื่อพัฒนาเส้นทางคมนาคม สร้างการเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเชื่อมต่อถึงประเทศจีน อินเดีย รวมทั้งในประเทศอื่นๆ
นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความพร้อมของไทยในฐานะที่เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาหารรายใหญ่ในการสนับสนุนด้านความมั่นคงอาหาร โดยอาจพิจารณาให้มีการเพิ่มการส่งออกข้าวและอาหารแช่แข็งไปยังคูเวต ซึ่งไทยพร้อมที่จะแบ่งปันความรู้ทางเทคนิค(technological know how) ในธุรกิจการเกษตร(Agro-business)
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะการสานความร่วมมือในด้านอาหารฮาลาล(Halal science and technology) ซึ่งนายกรัฐมนตรียังเสนอให้มีการร่วมทุน(joint venture) ระหว่างไทยกับคูเวตในประเทศที่สามด้วย
ด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันในธุรกิจโรงพยาบาลและสุขภาพมากขึ้น โดยไทยยืนยันความพร้อมในการต้อนรับชาวคูเวตมาประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยรัฐบาลไทยได้อนุมัติขยายระยะเวลาวีซ่าในการอยู่ประเทศไทยของชาวคูเวตเป็นเวลา 90 วัน สำหรับการเดินทางมารักษาพยาบาลให้เพิ่มเติมด้วย
ด้านธุรกิจการเงิน นายกรัฐมนตรียังเชิญชวนให้นักลงทุนคูเวตเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากตลาดหุ้นไทยมีผลกำไรจากการลงทุนมากเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาครองจากประเทศสิงคโปร์
พร้อมสอบถามความเป็นไปได้ของกองทุน KIA ที่จะมาลงทุนในธุรกิจการเงินของไทยด้วย โดยไทยพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัด Kuwait-Thailand capital roadshow เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกคูเวตในการลงทุนในไทย
ทั้งสองฝ่ายยังจะแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันด้านใหม่ๆ โดยเฉพาะระหว่างเอกชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอว่า บริษัทเอกชนไทยสามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายธุรกิจพลังงานจากคูเวตในอาเซียนหรือไกลกว่านั้น