สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเอกชน และยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงอย่างหนักของสหรัฐ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 20.7 ดอลลาร์ หรือ 1.19% ปิดที่ 1,724 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 32.097 ดอลาร์/ออนซ์ ลดลง 77.1 เซนต์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1615.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 28.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 623.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 24.20 ดอลลาร์
สัญญาทองคำร่วงลงต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี และตลอดทั้งสัปดาห์ได้ร่วงลงราว 2% เพราะได้รับแรงกดดันจากสัญญาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทเอกชนหลายแห่งของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดขายบ้านมือสองที่อ่อนแอของสหรัฐด้วย
ทั้งนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 1.7% แตะ 4.75 ล้านยูนิตต่อปี
ขณะที่บริษัทเอกชนเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยไมโครซอฟท์เปิดเผยว่ารายได้ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. อยู่ที่ 1.601 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 8% ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.642 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่แมคโดนัลด์เปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ร่วงลง 3.5% เนื่องจากยอดขายในสหรัฐชะลอตัวลง
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถือเป็นปัจจัยลบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะจะทำให้มูลค่าของสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น