นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า การลดราคาค่าบริการ 3G ลงประมาณ 15-20% ตามที่ กสทช. จะดำเนินการต่อไปนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้จริง เนื่องจากที่ผ่านมา เอกชนมีอำนาจต่อรองสูงกว่า และจับพิรุธเจตนารมณ์ กทค. 6 ข้อ ได้แก่ 1.การกำกับราคาค่าบริการ หรือ คุณภาพการบริการ อยู่ในแผนแม่บทโทรคมนาคมอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ กทค. ไม่ว่าจะมีการประมูล3G หรือไม่ กทค. จึงไม่ควรนำประเด็นการลดค่าบริการมาต่อรองกับเอกชน หรือ หวังผลลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การประมูลที่ไม่โปร่งใส2.การลดค่าบริการ 3G ลง 15-20 % ในระยะเวลา 15 ปี จะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ กว่า 1.1 ล้านล้านบาทนั้น ถ้าฐานการคำนวณเป็นจริงในทางกลับกันย่อมชี้ให้เห็นถึงตัวเลขกำไรสุทธิทั้งระบบที่เอกชน หรือ ผู้ประกอบการจะได้รับจากการถือใบอนุญาต 3G ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลกว่า 5 ล้านล้านบาท ขณะที่ ราคาประมูลทั้งหมดแค่ 41,625 ล้านบาท เท่านั้น และที่สำคัญไม่เคยมีใครทราบข้อเท็จจริงของราคาต้นทุนการบริการ 3G เอกชนก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่แท้จริง 3.กทค. ยังไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้จริง แต่กลับพบว่า ผู้ประกอบการมีอำนาจต่อรองเหนือกว่าในทุก ๆ เรื่อง 4.การสร้างเงื่อนไขใหม่ให้เอกชนทำข้อตกลงลดราคาค่าบริการ 3G ก่อนออกใบอนุญาต เป็นมาตรการ"วัวหายล้อมคอก" การกำหนดในภายหลัง อาจทำให้เอกชนฟ้องร้อง กสทช. ได้ หรือถ้าเอกชนยินยอม ก็จะเกิดคำถามที่ว่า มีแรงจูงใจอะไรถึงต้องยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว และหากเอกชนไม่ปฏิบัติตาม จะมีมาตราการลงโทษ หรือ ถอนใบอนุญาตหรือไม่ 5.การตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบ กรณีฮั้วประมูล โดยเฉพาะประเด็นการเคาะราคา จะมีประโยชน์อย่างไร เมื่อ กทค. ลงมติรับรองผลการประมูลไปแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ยังกว่าเตือน กทค. ว่า อย่าหวังลดกระแสวิจารณ์ประมูล 3G จนไม่สนใจข้อเท็จริง พร้อมตั้งข้อสงสัย จะเชื่อมั่นได้หรือไม่ว่า คณะทำงานที่ตั้งขึ้นไม่ถูกครอบงำโดย กทค. ซึ่งยืนยันมาตลอดถึงการประมูลที่โปร่งใส และประเทศไทย ได้รับผลประโยชน์