นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ในเดือนก.ย.55 ไทยมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง 819,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 7.1% จากเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการนำเข้า 85,176 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการใช้น้ำมันที่ลดลง แบ่งเป็น การนำเข้าน้ำมันดิบ 735,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 7.7% คิดเป็นมูลค่า 78,344 ล้านบาท และการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป 83,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 2.1% คิดเป็นมูลค่า 6,832 ล้านบาท
ส่วนการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) อยู่ที่ 181,039 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนส.ค. คิดเป็นมูลค่า 5,828 ล้านบาท โดยคาดว่าในปีนี้จะมีการนำเข้า LPG ไม่ถึง 1.7-1.8 แสนตันต่อเดือน เนื่องจากทางกรมธุรกิจพลังงานได้จำกัดปริมาณการใช้ในประเทศไว้ และคาดว่าปีหน้าหากไม่มีการปรับขึ้นราคา LPG ก็จะทำให้ปริมาณการนำเข้าใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 1.7-1.8 ตันต่อเดือน
ทั้งนี้ได้มีการชดเชยการนำเข้า LPG ตั้งแต่ปี 51 จนถึงปัจจุบันรวมมูลค่า 89,200 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าต้องชดเชยประมาณ 26,300 ล้านบาท
ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือนก.ย.อยู่ที่ 200,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 15.6% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 22,902 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการนำเข้าน้ำมันในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.ย.) อยู่ที่ 936,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 905,561 ล้านบาท แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 866,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 850,857 ล้านบาท และนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป 70,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 54,704 ล้านบาท ส่วนการนำเข้า LPG ในช่วง 9 เดือนรวม 148,812 ตันต่อเดือน คิดเป็นมูลค่า 41,304 ล้านบาท
นายวีระพล กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ผู้ค้าน้ำมันนำเข้าน้ำมันเบนซิน 232 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 5,900 ล้านบาท น้ำมันดีเซลมีการนำเข้า 17 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 440 ล้านบาท โดยการนำเข้าที่สูงขึ้นเนื่องจากช่วงต้นปีโรงกลั่น SPRC ปรับปรุงการผลิตเพื่อรองรับมาตรฐานน้ำมันยูโร 4 ประกอบกับช่วงเดือนก.ค.-ต.ค. โรงกลั่นน้ำมันบางจากหยุดซ่อมบำรุงเนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้หอกลั่น ซึ่งเป็นการหยุดซ่อมบำรุงพร้อมโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ และไออาร์พีซี ทำให้มีการนำเข้าน้ำมันพื้นฐาน(จีเบส) เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การส่งออกน้ำมันในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 196,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 200,098 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือนก.ย.55 เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มน้ำมันเบนซินมียอดการใช้อยู่ที่ 20.14 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 3.3% แบ่งเป็นน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 จำนวน 7.93 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 5.6% น้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 12.21 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 1.7% ส่วนน้ำมันดีเซลมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 51.59 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 3.4% โดยสาเหตุที่ปริมาณการใช้น้ำมันส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงทำให้ประชาชนลดการใช้น้ำมันและหันไปใช้ก๊าซ LPG และ NGV เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 20.60 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็น เบนซิน 95 และ 91 อยู่ที่ 8.95 ล้านลิตรต่อวัน แก๊สโซฮอล์ 11.65 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนการใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 55.85 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนปริมาณการใช้ LPG ในเดือนก.ย.55 อยู่ที่ 639,998 ตันต่อวัน ลดลง 1.2% แบ่งเป็นการใช้ LPG ในภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 0.5% หรือปรับขึ้นมาอยู่ที่ 50,927 ตันต่อวัน ส่วนภาคปิโตรเคมีปรับเพิ่มขึ้น 6% โดยการใช้ยังอยู่ที่ 254,846 ตันต่อวัน ขณะที่การใช้แอลพีจีภาคขนส่งได้ปรับลดลง 8.5% หรือลดลงมาอยู่ที่ 82,198 ตันต่อวัน ภาคครัวเรือนลดลง 5.5% หรือลดลงมาอยู่ที่ 251,982 ตันต่อวัน ส่งผลให้ปริมาณการใช้แอลพีจีในช่วง 9 เดือนแรกเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 605,302 ตันต่อวัน
สำหรับปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ในเดือนก.ย.อยู่ที่ 7.9 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.5% เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นทำให้ประชาชนหันมาใช้ NGV เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้เอ็นจีวีในช่วง 9 เดือนแรกเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 7.7 ล้านกิโลกรัมต่อวัน