สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอริเคนแซนดี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนที่ว่าสเปนจะขอความช่วยเหลือเมื่อใด
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.11% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.720 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 79.630 เยน และดีดตัวขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9360 ฟรังค์ จากระดับ 0.9346 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.20% แตะที่ 1.2913 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2939 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.34% แตะที่ 1.6048 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6103 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.26% แตะที่ 1.0345 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0372 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.35% แตะที่ 0.8195 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8224 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอริเคนแซนดี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ขณะที่สกุลเงินยูโรยังได้รับแรงกดดัน หลังจากนายโวล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนีปฏิเสธปรับโครงสร้างหนี้รอบใหม่ให้แก่กรีซ รวมทั้งความไม่แน่นอนที่ว่าสเปนจะขอความช่วยเหลือเมื่อใด
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงในขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ของอิตาลี และนายกรัฐมนตรี มาเรียโน ราฮอย ของสเปน สองประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรปรุนแรงที่สุด
ทั้งนี้ การหารือระหว่างผู้นำสองประเทศมีขึ้นหลังจากที่เมื่อ 3 เดือนก่อน นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ให้คำมั่นว่าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องยูโร ตามด้วยการประกาศโครงการซื้อพันธบัตรสำหรับประเทศที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่จนถึงขณะนี้ สเปนและอิตาลีก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะขอรับความช่วยเหลือจากประเทศสมาชิกยูโรโซนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายราฮอย ซึ่งได้เคยขอความช่วยเหลือวงเงิน 1 แสนล้านยูโรจากสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อช่วยพยุงภาคธนาคารในประเทศ เมินเฉยต่อแรงกดดันจากหลายฝ่ายที่ต้องการให้สเปนขอความช่วยเหลือในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงขึ้น