สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสเปน หดตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาส 3 และยังได้รับแรงหนุนจากต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงของอิตาลี
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.43% แตะที่ 1.2958 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2902 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.26% แตะที่ 1.6072 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6030 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.600 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 79.770 เยน และร่วงลง 0.46% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9323 ฟรังค์ จากระดับ 0.9366 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.36% แตะที่ 1.0367 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0330 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 0.8205 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8186 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักงานสถิติแห่งชาติของสเปนรายงานว่า เศรษฐกิจสเปนหดตัวลง 0.3% ในไตรมาส 3 ปีนี้ ทำสถิติหดตัวลงติดต่อกัน 5 ไตรมาส และหากเทียบเป็นรายปีพบว่า จีดีพีไตรมาส 3 หดตัวลง 1.6% แต่ยังน้อยกว่าที่ธนาคารกลางคาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 0.4%
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติยังเปิดเผยด้วยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2554 และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงและยาปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมด้วยการขยายขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 91 ล้านล้านเยน จากเดิม 80 ล้านเยน แต่นักลงทุนผิดหวังเนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าบีโอเจจะเพิ่มวงเงินซื้อสินทรัพย์มากกว่านี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.ในวันศุกร์ที่ 2 พ.ย.เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอก ภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 120,000 -124,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนดังกล่าวจะอยู่ที่ 7.9%