รายงานระบุว่า พายุดังกล่าวได้พัดถล่มบ้านเรือนในรัฐทางชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นราว 1 ใน 5 ของยอดขายอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและกระแสไฟฟ้าขัดข้อง
บริษัทคอร์ลอจิก อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลและซอฟต์แวร์ด้านการจำนองที่ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ประเมินว่ามูลค่าบ้านเรือนราว 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์ใน 7 รัฐมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหาย โดยนิวยอร์กมีอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความเสียหาย 3.51 หมื่นล้านดอลลาร์ และนิวเจอร์ซีย์ได้รับผลกระทบ 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เฮอร์ริเคนแซนดี้ยังอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
นายเดวิด สตีเวนส์ ประธานสมาคมธนาคารเพื่อการจำนองของสหรัฐ (MBA) ตั้งข้อสังเกตว่าจำนวนยอดขายใหม่และการยื่นขอเงินกู้จำนองจะลดลงอย่างชัดเจน และกล่าวว่า “เราคาดว่าบรรดาผู้ปล่อยกู้จะระงับการปล่อยกู้ด้านอสังหาริมทรัพย์ทั่วพื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือ จนกว่าจะมีการตรวจสอบและประเมินความเสียหายแล้ว"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในระยะหลังมานี้ ทำให้เป็นที่เชื่อกันว่าภาวะตกต่ำของตลาดที่อยู่อาศัยได้แตะจุดต่ำสุดแล้ว และได้กลายเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐ