นับเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ภาคการผลิตขยายตัว หลังจากที่หดตัวตลอด 3 เดือนก่อนหน้านั้น โดยดัชนีภาคการผลิตของ ISM ที่ขยายตัวขึ้นในเดือนที่แล้วได้รับปัจจัยจากอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นซึ่งช่วยชดเชยการส่งออกที่ลดลงอันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนียอดสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นแตะ 54.2 จาก 52.3 ในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ดัชนีการส่งออกหดตัวแตะ 48.0 จาก 48.5
ขณะที่ดัชนีการผลิตกลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังจากหดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยดัชนีพุ่งขึ้นแตะ 52.4 ในเดือนต.ค. จากระดับ 49.5 ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนีการจ้างงานลดลงแตะ 52.1 จาก 54.7
สำหรับดัชนีราคาของ ISM ชะลอลงแตะ 55.0 จาก 58.0 ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านต้นทุนในกลุ่มผู้ผลิตที่บรรเทาลงเพียงเล็กน้อย
ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐนั้น ในวันเดียวกันนี้ก็เพิ่งมีการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตจากประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกอีกประเทศหนึ่ง โดยสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.8 ในเดือนก.ย.
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การที่ดัชนี PMI จีนเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตนั้น แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวลงก่อนหน้านี้
ด้านเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเพิ่มขึ้นแตะ 49.5 ในเดือนต.ค. จาก 47.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งถึงแม้ว่าดัชนี PMI ยังคงหดตัวเนื่องจากตัวเลขต่ำกว่าระดับ 50 แต่ก็ปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า นับเป็นการส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของกิจกรรมในภาคการผลิตจีน และมีแนวโน้มจะหนุนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีนต่อไป