"จากนี้ไปให้ กสทช.ดำเนินการตามกฎหมาย ให้นำเงินที่ได้จากประมูล 3 จีส่งเข้าคลัง"นายกิตติรัตน์ กล่าว
ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงรมว.คลัง เพื่อหารือการนำส่งเงินจากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ตซ หรือใบอนุญาต 3 จี จากทั้ง 3 บริษัทที่ร่วมประมูล ซึ่งจัดส่งเงินค่าประมูล 50% ของราคาคลื่นความถี่ที่ประมูลได้มาให้สำนักงานกสทช. ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด, บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด รวมจำนวนเงิน 22,269.375 ล้านบาทที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % โดยเป็นเงินจากค่าชำระเงินงวดแรกและค่าเงินค้ำประกันของทั้ง 3 ราย
สาเหตุที่ กสทช.ต้องทำหนังสือหารือกระทรวงการคลัง เนื่องจากได้มีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ปปช. เพื่อให้ตรวจสอบว่า การประมูล มีกรณีเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ซึ่งคณะกรรมการ ปปช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว และมีผู้ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้พิจารณาว่าการประมูลเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อเสนอเรื่องต่อศาลปกครองวินิจฉัยเพิกถอนการประมูล ซึ่งทั้งสองกรณีอยู่ระหว่างการดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้เกิดปัญหาว่า เงินรายได้จากการประมูลดังกล่าวที่สำนักงาน กสทช. ได้รับไว้จะต้องนำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน หรือจะต้องเก็บรักษาไว้เพื่อรอผลการดำเนินการของทั้งสองหน่วยงานจนเสร็จสิ้น เพราะหากผลการพิจารณาดังกล่าวมีผลให้เพิกถอนการประมูล สำนักงาน กสทช. จะต้องคืนเงินรายได้ที่รับไว้คืนผู้ประมูลต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. เห็นว่าเงินรายได้จากการประมูลที่สำนักงาน กสทช. ได้รับมาไว้จำนวน 22,269.375 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย) ซึ่งยังมีปัญหาว่าจะต้องนำส่งกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นได้เลยหรือไม่นั้น เพราะหากการร้องกล่าวโทษดังกล่าวมีผลให้เพิกถอนการประมูล สำนักงาน กสทช. จะต้องนำเงินดังกล่าวคืนผู้ประมูลตามที่ได้รับมา ประกอบกับเอกชนเสนอข่าวว่ามีความเสียหายจากอัตราดอกเบี้ยของวงเงิน 1,350 ล้านบาทในอัตราวันละ 300,000บาท วงเงินที่สำนักงาน กสทช. ได้รับไว้จำนวน 22,269.375 ล้านบาท เอกชนจะได้รับความเสียหายประมาณวันละ 4,948,750 บาท ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาการนำเงินส่งการทรวงการคลังเป็นรายได้ของรัฐ จึงได้มีหนังสือขอหารือกระทรวงการคลังในเรื่องดังกล่าวโดยด่วนที่สุดแล้ว เพื่อจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป