มาตรการลดรายจ่ายและขึ้นภาษีชุดใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อประหยัดงบประมาณราว 1.35 หมื่นล้านยูโรในปี 2556-2557 ซึ่งหากสมาชิกสภานิติบัญญัติไม่อนุมัติรับรองแผนดังกล่าวในการลงมติกลางสัปดาห์นี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่ากรีซอาจไม่ได้รับเงินกู้งวดใหม่ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการล้มละลายได้ และหากไม่มีเงินก้อนดังกล่าว กรีซยังอาจต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซนด้วย
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน มาตรการรัดเข็มขัดที่รุนแรงขึ้นได้สร้างความโกรธเคืองให้กับสหภาพแรงงานกลุ่มต่างๆ จึงได้นัดผละงานประท้วงในวันจันทร์ถึงวันพุธนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขนส่งและบริการสาธารณะต่างๆ
สำหรับมาตรการลดรายจ่ายอย่างเข้มงวดชุดใหม่เป็นเงื่อนไขที่บรรดาเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเรียกร้องจากกรีซ ก่อนการประชุมยูโรกรุ๊ปในวันที่ 12 พ.ย. เพื่อพิจารณาการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดต่อไปสำหรับกรีซจำนวน 3.15 หมื่นล้านยูโร ซึ่งหากกรีซไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว ทุนสำรองของกรีซจะหมดลงภายในวันที่ 16 พ.ย.
เมื่อเดือนที่แล้ว สำนักงานสถิติแห่งชาติของกรีซ (ELSTAT) เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซอยู่ที่ 9.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2554 ซึ่งสูงกว่าระดับ 9.1% ที่ประมาณการไว้เมื่อเดือนเม.ย.
สำหรับหนี้สาธารณะของกรีซ ณ สิ้นปี 2554 มีจำนวนอยู่ที่ 3.56 แสนล้านยูโร หรือ 170.6% ของจีดีพี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้ที่ระดับ 165.3% และพุ่งขึ้นอย่างมากจากระดับ 148.3% ในปี 2553
ก่อนหน้านี้ ทางการกรีซคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศในปีนี้จะหดตัวมากกว่าที่ได้มีการประเมินไว้ และระบุว่า เศรษฐกิจกรีซจะหดตัวเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันในปี 2556