ส่วนการรับค่าสินไหมทดแทนปรากฏว่ามีเกษตรกรขอรับค่าสินไหมทดแทน 15 ราย จำนวนพื้นที่ที่เกษตรกรเอาประกันภัย 318 ไร่คิดเป็นเงิน 3.5 แสนบาท(ข้อมูล ณ วันที่ 2 พ.ย.55) ทั้งนี้ในปีการผลิต 2554 เกษตรกรทั่วประเทศจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย 136.6 ล้านบาท และได้รับค่าสินไหมทดแทนรวม 754.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ ระยะเวลาการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับปีการผลิต 2555 ได้เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.-26 ต.ค.55 สำหรับทุกภาค ยกเว้นภาคใต้เริ่มจำหน่ายวันที่ 27 ส.ค.-26 พ.ย.55 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน
"โครงการประกันภัยข้าวนาปีเป็นโครงการที่ดีมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสี่ยงภัยให้แก่เกษตรกร ซึ่งเกษตรกรจะได้รับความคุ้มครองโดยได้รับค่าชดเชยความเสียหายจากกรณีประสบภัยพิบัติตามเงื่อนไข โครงการนี้จะเป็นการสร้างรากฐานกลไกการประกันภัยพืชผลให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว" นายสมชัย กล่าว
โครงการนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยปีที่แล้วคุ้มครองเฉพาะภัยธรรมชาติทั้งหมด 6 ภัย ได้แก่ อุทกภัย, ฝนทิ้งช่วง, ลมพายุ, อากาศหนาว, ลูกเห็บ และอัคคีภัย ซึ่งเกษตรกรจะได้รับความคุ้มครอง 1,111 บาท/ไร่ แต่ในปีนี้เกษตรกรจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นจากภัยศัตรูพืชและโรคระบาด โดยจะได้รับวงเงินความคุ้มครองจำนวน 555 บาท/ไร่ ขณะที่อัตราค่าเบี้ยประกันภัยยังคงเท่าเดิม คือ ในอัตรา 120 บาท/ไร่(ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้งนี้เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยสุทธิเพียง 60 บาท/ไร่ ที่เหลือรัฐบาลเป็นผู้อุดหนุน
ในการดำเนินการโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 ดำเนินการโดยกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ร่วมกับบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารโครงการ โดยเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับประกันภัย