ชินตา วิดจาจา กัมดานี ประธาน IBCSD กล่าวว่า วิสัยทัศน์ดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้อินโดนีเซียติดท็อป 10 ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกภายในปี 2593
"ในฐานะที่เป็นภาคเอกชน เราต้องมีแนวทางใหม่ที่ช่วยส่งเสริมการแก้ปัญหาทางธุรกิจในช่วงหลายทศวรรษข้างหน้า ดังนั้นวิสัยทัศน์นี้จึงมีความสำคัญมาก เพราะเราต้องการนวัตกรรมมากขึ้นและวิธีการที่แตกต่างในการสร้างความยั่งยืนแก่ธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และทุนมนุษย์" เธอกล่าว
นอกจากนั้นเธอยังกล่าวว่า บรรดานักธุรกิจจำเป็นต้องพูดคุยกันให้มากกว่านี้เพื่อกำหนดแนวโน้มในอนาคตของอินโดนีเซีย และเพื่อลงมติในเรื่องของวิสัยทัศน์เพื่อความยั่งยืนของอินโดนีเซียภายในปี 2593
"เราวางแผนว่าจะสร้างโร้ดแม็ปเพื่อความยั่งยืนของอินโดนีเซีย และเราหวังว่าจะได้เห็นความคืบหน้าในการสร้างโร้ดแม็ปในปีหน้า ดิฉันเชื่อว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่พัฒนากว่านี้มากภายในปี 2593 หากเราเตรียมแผนการต่างๆไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ" เธอกล่าว
เธอกล่าวว่า IBCSD จะร่วมมือกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย (Kadin) และอีกหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะทำงานด้านการบริหารและกำกับดูแลการพัฒนาของทำเนียบประธานาธิบดี (UKP4) ในการสร้างโร้ดแม็ปดังกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน