ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงได้ทำแผนจัดหาก๊าซเพิ่มเติม ประกอบไปด้วย การเจรจาจัดซื้อก๊าซจากประเทศในอาเซียน ได้แก่ พม่า และอินโดนิเซีย ซึ่งพม่าจะเปิดสัมปทานครั้งใหม่ภายในปลายปีนี้ คาดว่า จะมีการแข่งขันรุนแรง และทางกลุ่ม ปตท.จะเข้าร่วมเสนอสัมปทานด้วย ส่วนแหล่งที่อินโดนีเซีย คาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ หลังจากปัจุบัน ทาง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) หรือ ปตท.สผ. เข้าไปร่วมลงทุนในแหล่งนาทูน่า โดยจะตัองสร้างท่อก๊าซอาเซียน เชื่อมโยงจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย มายังไทย
นอกจากนี้ ไทยยังรอความหวังจากพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณสำรองเป็นจำนวนมาก แต่ยังต้องรอข้อตกลงระหว่างรัฐบาลทั้ง2 ประเทศ หากตกลงกันได้ คาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาแหล่งก๊าซอีก 10 ปี ขณะเดียวกันไทยเตรียมนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) เพิ่ม แต่ต้นทุนการนำเข้าจะสูงมาก ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าได้
ทั้งนี้ในเวทีสัมมนาหัวข้อ "ความมั่นคงด้านพลังงานไทยสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน" ยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องการตรึงราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาก๊าซหุงต้ม(LPG) หากไม่เร่งทยอยลอยตัวตามกลไกตลาดก่อนปี 2558 ที่เข้าสู่ AEC ซึ่งอาจทำให้คนไทยต้องอุดหนุนต่างชาติเป็นมูลค่าสูง และเห็นว่าทุกประเทศในอาเซียนต้องร่วมมือให้เกิดความเชื่อมโยง ทั้งสายส่งไฟฟ้า และระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของภูมิภาค ซึ่งต้องกำหนดราคาและคุณภาพให้เหมาะสม