ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนติดตามข่าวสาร และข้อมูลอย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวน อาจเกิดการย้ายเม็ดเงินออกจากสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้น นักลงทุนที่เล่นเก็งกำไรหากมีกำไรให้ขายออกมาเพื่อทำกำไรก่อน และหาจังหวะช่วงที่ราคาทองปรับตัวลดลงทยอยซื้อเพื้อลงทุนตามกรอบราคาที่ให้ไว้
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในช่วงเดือน พ.ย.55 คาดกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำน่าจะอยู่ในระดับ 1,670-1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งแม้ว่านายบารัก โอบามา จะได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อเนื่องอีกสมัย ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการสานต่อมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการทางการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE3 ที่จะผลักดันความหวังว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนตัวลงเมื่อเทียบเงินบาท และเป็นผลดีกับราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกัน จากการที่ทองคำยังถือเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อ รวมถึงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ แม้การใช้มาตรการ QE3 ของเฟดจะได้ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้ตัวเลขผู้ว่างงานลดลง แต่ไม่ได้ส่งผลดีต่อฐานะทางการคลังของสหรัฐฯ เนื่องจากส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Ratios of Public Debt to GDP) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา ดังนั้น หากเฟดยิ่งใช้มาตรการ QE3 เป็นระยะเวลานานเท่าใด จะยิ่งเป็นผลลบต่อฐานะทางการคลังของสหรัฐฯมากขึ้นเช่นกัน รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการถูกปรับลดดันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอาจทำให้ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างที่เคย
ขณะเดียวกัน การที่พรรคของนายบารัก โอบามา ไม่ได้รับเสียงข้างในวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรอาจจะสร้างความกังวลให้นักลงทุนถึงแผนการแก้ไขปัญหา การลดการขาดดุลของภาครัฐและมาตรการลดภาษีที่กำลังจะหมดอายุต้นปี 2013 รวมถึงการปรับลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐ หรือ Fiscal Cliff ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าฐานะทางการคลังของสหรัฐฯในปัจจุบันค่อนข้างอ่อนแอ และอาจจะมีโอกาสถูกต่อต้านซึ่งน่าจะทำให้การขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของนายบารัก โอบามาไม่ง่ายอย่างที่คิด ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าจะมีเม็ดเงินโยกเงินเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนราคาทองคำโลกในเดือน ต.ค.55 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ1,720.05 ดอลลาร์ออนซ์ ปรับตัวลดลงประมาณ 50.54 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือคิดเป็น 2.85% จากเดือนก่อนหน้า โดยราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,698.39-1,795.69 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงสวนทางกับเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากตัวเลขว่างงานสหรัฐฯปรับลดลงจากระดับ 8.1% สู่ระดับ 7.8%
ราคาทองคำไม่ได้ตอบสนองในเชิงบวกต่อการประชุมธนาคารกลางยุโรปประจำเดือนตุลาคมมีการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% และมีมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศในยูโรโซนที่มีปัญหาด้านต้นทุนการกู้ยืม ประกอบกับราคาทองคำยังถูกกดดันด้วยปัจจัยที่สเปนถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ BBB- ซึ่งสูงกว่าระดับขยะเพียง 1 ขั้น อีกทั้งผลผลิตมวลรวมไตรมาส 3 ของจีนปรับตัวลงจากในไตรมาสก่อนสู่ระดับ 7.4% สวนทางกับผลผลิตมวลรวมสหรัฐฯที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.0% ส่งผลให้เงินดอลลาร์ยิ่งแข็งค่าขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการถือครองทองคำของกองทุน SPDR ตลอดเดือน ต.ค.ยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 16 ตัน แสดงให้เห็นว่ายังมีแรงซื้อจากนักลงทุน และกองทุนรวมต่าง ๆ ที่ซื้อผ่านทองคำผ่านกองทุน SPDR เมื่อราคาทองคำปรับตัวลดลง