"แหล่งนงเยาว์ ของบริษัท เพิร์ล ออย บางกอก จำกัด อยู่ในแปลงสำรวจ G11/48 ในอ่าวไทยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการปิโตรเลียมอนุมัติให้เป็นพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมรวม 23.18 ตารางกิโลเมตร คาดว่ามีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 12.3 ล้านบาร์เรล เริ่มผลิตในปี 2557 โดยมีอัตราผลิตน้ำมันดิบสูงสุดประมาณ 6,400 บาร์เรลต่อวัน บริษัทมีการลงทุนเป็นเงินประมาณ 18,370 ล้านบาท รัฐได้รับผลประโยชน์ประมาณ 8,463 ล้านบาท บริษัทจะได้รับผลตอบแทนหลังหักเงินลงทุนประมาณ 5,673 ล้านบาท" นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน ระบุ
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้สรุปสถานการณ์การจัดหาและพัฒนาปิโตรเลียมในช่วงเดือน ก.ย.55 ว่าประเทศไทยมีอัตราการผลิตปิโตรเลียมเทียบเท่าน้ำมันดิบทั้งสิ้น 813,186 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 42 ของความต้องการใช้ในประเทศ โดยเป็นก๊าซธรรมชาติ 3,330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ก๊าซธรรมชาติเหลว 94,533 บาร์เรลต่อวัน น้ำมันดิบ 145,517 บาร์เรลต่อวัน
ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.55 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติสามารถจัดเก็บค่าภาคหลวงรวมเป็นเงิน 58,644 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปี 2554 ร้อยละ 22
สำหรับผลการดำเนินงานในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นบริเวณที่ไทยและมาเลเซียพัฒนาปิโตรเลียมร่วมกันในบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ในช่วงเดือน ต.ค.55 มีการผลิตก๊าซธรรมชาติในอัตรา 1,250 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน(นำมาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยวันละประมาณ 770 ล้านลูกบาศก์ฟุต) และก๊าซธรรมชาติเหลว 14,965 บาร์เรลต่อวัน
ขณะที่ช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.55 สามารถนำส่งรายได้จากการดำเนินงานในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย สู่ประเทศ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,619 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา