ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนยูโรดีดตัวขึ้นเทียบเงินดอลล์

ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.25% แตะที่ 1.2734 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.2702 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.17% แตะที่ 1.5842 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5869 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.06% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 80.210 เยน จากระดับ 79.370 เยน และดิ่งลง 0.26% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9451 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9476 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.56% แตะที่ 1.0372 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0430 ดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.70% แตะที่ 0.8098 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8155 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ยูโรร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ ภายหลังจากที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรกรุ๊ปไม่สามารถหาข้อสรุปในการให้ความช่วยเหลือกรีซ และหลังจากอิตาลีรายงานว่าตัวเลขหนี้สาธารณะของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.995 ล้านล้านยูโร (2.536 ล้านล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 1.95 หมื่นล้านยูโร แม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ จะปรับขึ้นอัตราภาษีและลดสวัสดิการสังคมลงหลายครั้งแล้วก็ตาม

ส่วนเงินเยนร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหลังจากนายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศความพร้อมที่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ และจะจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนหน้า ขณะที่นักลงทุนมองว่าแนวโน้มในการจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในญี่ปุ่นถือเป็นปัจจัยลบต่อค่าเงินเยน เนื่องจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) สนับสนุนให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ผ่อนคลายนโยบายการเงินลงต่อไป

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. จากนั้นในเวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย จะมีการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย