"นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.3% เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.6% ราคาน้ำมันดิบ(WTI) จะอยู่ที่ 99.8 ดอลลาร์/บาร์เรล อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 3.4%" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นักเศรษฐศาสตร์ 31.5% เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับปัจจุบันที่ 2.75% ไปสู่ระดับ 2.50% ภายในสิ้นปี 56 ส่วนค่าเงินบาทคาดว่าจะอยู่ที่ 30.68 บาท/ดอลลาร์ และการส่งออกจะขยายตัว 6.8% ด้านการเคลื่อนไหวของค่าเฉลี่ยของ SET Index นักเศรษฐศาสตร์ 45.2% คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากปี 55 โดยจุดสูงสุดของปี 56 จะอยู่ที่ 1,400 จุด
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 56 อันดับ 1 คือ เศรษฐกิจโลกในภาพรวม 79.5% อันดับ 2 หนี้สาธารณะของสหรัฐและกลุ่มยูโรโซน 69.9% และอันดับ 3 ปัญหาการเมือง/การชุมนุมประท้วง/เสถียรภาพของรัฐบาล 64.4%
โดยนักเศรษฐศาสตร์มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล/หน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจปี 56 คือ 1.ลดการดำเนินนโยบายประชานิยม ลดการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ โครงการรับจำนำข้าว เพื่อะช่วยลดปัญหาหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการคลังมากขึ้น 2.เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในโครงการต่างๆ รวมถึงโครงการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ AEC มีการเบิกจ่ายเงินที่เป็นไปตาม พรก.บริหารจัดการน้ำ มีการพัฒนาการศึกษา สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ และ 3.มีการดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่สอดประสานกัน โดยเห็นว่าควรดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว ควรมีมาตรการควบคุมฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงควรมีแผนสำรองเพื่อรองรับวิกฤติ (shock) ที่อาจจะเกิดขึ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ กรุงเทพโพลล์ได้สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 35 แห่ง จำนวน 73 คน เรื่อง “คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2556" โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 6-13 พ.ย.ที่ผ่านมา