รายงานประจำเดือนพ.ย.ของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ยอดการส่งออกและการผลิตของญี่ปุ่นยังคงซบเซา ขณะที่การอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนและการลงทุนในภาคธุรกิจชะลอตัวลง ซึ่งรายงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลปรับลดการประเมินลงจากเดือนต.ค.ที่ระบุว่า "เศรษฐกิจอยู่ในระยะที่อ่อนแอ"
ส่วนในด้านการส่งออกนั้น รัฐบาลระบุว่า "ยอดการส่งออกอยู่ในระยะซบเซา ขณะที่การผลิตในภาคอุตสาหกรรมกำลังปรับตัวลดลง" ซึ่งการประเมินดังกล่าวไม่แตกต่างจากการประเมินในเดือนต.ค.
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า การอุปโภคบริโภค "อ่อนแอลง" ขณะที่ผลประกอบการภาคเอกชนยังคงทรงตัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิต และตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนก็อยู่ในภาวะอ่อนแรงเช่นกัน
รายงานยังระบุด้วยว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปนั้น ยังคงสร้างแรงกดดันให้กับอุตสาหกรรมส่งออกญี่ปุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปสหภาพยุโรปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆในเอเชียและสหรัฐอเมริกาด้วย ขณะที่การลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปได้ส่งผลกระทบในด้านลบผ่านช่องทางทางการค้าและการเงินของยูโรโซนด้วย
รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันจันทร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงของญี่ปุ่นหดตัวลง 3.5% ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส และเพิ่มแรงกดดันให้กับพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ของนายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า
การปรับลดการประเมินเศรษฐกิจติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เช่นนี้ นับเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายและเศรษฐกิจโลกถดถอยในปี 2551 สำนักข่าวเกียวโดรายงาน