ทั้งนี้ ไทยเห็นว่านอกจากจะให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเจริญเติบโตแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละประเทศด้วย โดยได้มีการหารือระหว่างการประชุมว่า นอกจากความสำคัญเรื่องการเชื่อมโยง ต้องดูความสำคัญทางกายภาพด้วย คือกฎระเบียบต่าง ๆ ตลอดจนการค้าตามแนวชายแดน เพื่อให้การค้าของประเทศเพื่อนบ้านมีความเจริญเติบโตควบคู่กันไป และต้องหาแนวทางให้เกิดความเชื่อมโยงไปยังประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากกลุ่มประเทศอาเซียน
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้หารือเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรองรับภัยพิบัติที่ประเทศต่างๆ จะร่วมกันรับมือและการสำรองอาหาร เพื่อรับมือกับการแก้ปัญหากรณีเกิดภัยพิบัติกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงการดูแลระดับภูมิภาคได้ นอกจากนี้ยังมีการหารือการแก้ไขปัญหาร่วมกันในภูมิภาค ที่ทุกประเทศควรร่วมมือให้เกิดความสงบ มีสันติภาพ ภายใต้กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นกติกาในการทำงานร่วมกันต่อไป
ส่วนการหารืออาเซียนกับสหรัฐ นายกรัฐมนตรีระบุว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญร่วมมือในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนต่อต้านการค้ามนุษย์และอาชญากรรม และบทบาทของสหรัฐในการเสริมสร้างความแข็งแรงสู่ภูมิภาคอาเซียน
"พอใจในภาพรวม ในการประชุมครั้งนี้ เพราะไทยได้เห็นการเติบโตการพัฒนา สำหรับการผลักดันให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคุยกับคู่ค้าที่ใกล้ชิด ต้องเร่งเชื่อมโยงความสัมพันธ์ เพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างกัน ระหว่างอาเซียน เพื่อให้เกิดความแข็งแรงและยั่งยืน ขณะเดียวกันต้องทำงานร่วมกันกับระเทศคู่เจรจาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐ จีน เกาหลี อินเดีย ควบคู่กันไปด้วย รวมถึงต้องเตรียมความพร้อมในประเทศให้แข็งแกร่ง" นายกฯ ระบุ
นอกจากนี้การประชุมสุดยอดอาเซียน- จีน ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ประสานงานระหว่างอาเซียน กับประเทศจีน ได้พูดคุยถึงบทบาทในภูมิภาคและปัญหาเทะเลจีนใต้ ในภาพรวมเห็นตรงกันที่จะปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือทางทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นกรอบที่ใช้ในความร่วมมือในการเดินทะเล ใช้เส้นทางเดินเรือไปสู่สันติภาพ ให้เกิดการค้าการลงทุนและทุกประเทศ เห็นพ้องต้องกันให้พัฒนากรอบปฏิญญานี้ไปสู่แนวทางการปฏิบัติต่อไป