สำหรับกรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพด้านการจัดเก็บภาษีและมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้จะเห็นได้จากแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตที่ได้บูรณาการความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม เจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพเรือ เพื่อตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่ที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เช่น บริเวณตะเข็บชายแดน แหล่งชุมชน และสถานบริการ
นอกเหนือจากการดำเนินการคืนภาษีสรรพสามิตโครงการรถคันแรกตามนโยบายรัฐบาลแล้ว ตนเองได้มอบนโยบายให้คณะผู้บริหารดูแลการบริหารการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่เสียภาษีโดยสุจริต โดยในปีงบประมาณ 2556 กระทรวงการคลังมอบหมายให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ภาษีจำนวน 412,000 ล้านบาท ตลอดจนปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษี ระบบการตรวจสอบ และระบบการควบคุมสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบให้รัดกุมและมีมาตรฐาน โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี
ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2555(ต.ค.54-ก.ย.55) กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บภาษีได้รวม 379,653.06 ล้านบาท โดยสินค้าที่จัดเก็บได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้สูงสุดจำนวน 117,144.65 ล้านบาท 2.ภาษีเบียร์จัดเก็บได้จำนวน 64,892.84 ล้านบาท 3.ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันจำนวน 61,061.24 ล้านบาท 4.ภาษียาสูบจัดเก็บได้จำนวน 59,915.38 ล้านบาท และ 5.ภาษีสุราจัดเก็บได้จำนวน 53,499.71 ล้านบาท