นายโพรโวพูลอสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ปี 2556 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับกรีซ เนื่องจากจีดีพีจะหดตัวลงอีกประมาณ 4% เพราะรัฐสภากรีซจะต้องอนุมัติงบประมาณที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมากเพื่อรับมือกับวิกฤตในปัจจุบัน
“แต่สิ่งสำคัญคือปีหน้าจะเป็นปีสุดท้ายของภาวะเศรษฐกิจถดถอยและจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นที่รัฐบาลกรีซจะก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว" เขากล่าวย้ำ พร้อมกับเสริมว่า ปี 2557 จะเป็นปีแรกที่เศรษฐกิจกรีซขยายตัวในแดนบวก
“หลังจากนั้นผมคิดว่าอัตราการขยายตัวจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยที่ว่าปัญหาด้านการคลังได้ถูกแก้ไข ขณะที่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างมีความคืบหน้าอย่างมากและจะบรรลุผลสำเร็จในช่วงดังกล่าว"
“กรีซกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เรื่องที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเราอย่างมากนี้ใกล้จะจบลงแล้ว จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่สดใสกว่ากำลังใกล้เข้ามา" เขากล่าว
ในขณะเดียวกัน กรีซจำเป็นต้องเดินหน้าแก้ปัญหาที่เป็นต้นตอของวิกฤต ซึ่งไม่ใช่ประเด็นทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเมือง สังคม และสถาบัน
นายโพรโวพูลอสอธิบายว่า สาเหตุพื้นฐานของวิกฤตในปัจจุบันที่เกิดขึ้นเมื่อหลายก่อนคือ กรีซไม่สามารถควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็สูญเสียศักยภาพด้านการแข่งขัน
ทั้งนี้ กรีซสูญเสียความสามารถในการแข่งขันสะสม 32% ในช่วงระหว่างปี 2543-2552 จึงจำเป็นต้องมีการฟื้นฟูผ่านการปฏิรูปโครงสร้าง ซึ่งนายโพรโวพูลอสกล่าวว่า กรีซจะต้องเปลี่ยนแปลงกรอบการทำงานเชิงสถาบันตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านั้น แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ
เศรษฐกิจนอกระบบและการหลีกเลี่ยงภาษีก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน โดยเป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่ถูกมองว่าเป็นสาเหตุของวิกฤตหนี้สาธารณะของกรีซ ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายถึงราว 25% ของจีดีพีกรีซ ซึ่งผู้ว่าแบงก์ชาติกรีซย้ำว่า ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างสิ้นซาก
“ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการที่เข้มงวดและกล้าหาญเท่านั้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลายาวนานหลายปีในการดำเนินการอย่างเหมาะสม มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน" นายโพรโวพูลอสกล่าว พร้อมกับเสริมว่า แม้มีการใช้มาตรการไปแล้วหลายมาตรการ แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ
บทสัมภาษณ์โดยสำนักข่าวซินหัว