(เพิ่มเติม) บอร์ด กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% ตามตลาดคาด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 28, 2012 15:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) แถลงผลการประชุม กนง.ในวันนี้ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 55 ซึ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% เนื่องจากปัจจัยอุปสงค์ในประเทศยังเติบโตดี เศรษฐกิจฟื้นดีกว่าคาด และการลงทุนขยายตัวสูง อย่างไรก็ตาม กนง.จะติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินนโยบายที่เหมาะสม

คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่าในภาวะที่ความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังอยู่ในระดับผ่อนปรนและเหมาะสมต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และจะติดตามพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด โดยพร้อมดำเนินนโยบายที่เหมาะสมตามความจำเป็น

กนง.ได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไปว่า เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพและมีสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนดีขึ้นกว่าที่คาด โดยเฉพาะภาคที่อยู่อาศัยและการจ้างงานในสหรัฐฯ แต่ความไม่แน่นอนของการต่ออายุมาตรการด้านการคลังของสหรัฐฯ ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณดีขึ้นทั้งในภาคการส่งออก การลงทุนและการบริโภคในประเทศ

สำหรับเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรยังคงหดตัว แต่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจการเงินจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในปีหน้าจากมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะที่มีความชัดเจนขึ้นและเศรษฐกิจในประเทศสมาชิกหลักยังขยายตัวได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจเอเชียมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นบ้างตามทิศทางการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังขยายตัวได้ดี

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดชี้ว่า เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเทียบกับที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน โดยผลกระทบของเศรษฐกิจโลกยังจำกัดอยู่เฉพาะในภาคที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้า ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศที่ดีกว่าประมาณการครั้งก่อนช่วยรองรับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอลง มองไปข้างหน้าคาดว่าการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวในครึ่งแรกของปี 56 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจต่อไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและภาวะการเงินที่ผ่อนปรน สินเชื่อขยายตัวสูง สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับการประชุมครั้งก่อน

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ต.ค.55 ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะแถลงในวันที่ 30 พ.ย.นี้ขยายตัวดีขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานการบริโภคที่ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะจากการกระตุ้นการใช้จ่ายตามนโยบายรถคันแรก ขณะที่ระดับดอกเบี้ยผ่อนปรน สะท้อนจากการขยายตัวของสินเชื่อสูงถึง 15% การจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคในประเทศขยายตัวดี

ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงยอดการขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอสูงเป็นประวัติการณ์ เห็นได้จากการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการลงทุน

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ กนง.ไม่ได้มีการแถลงตัวเลขปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ เพราะโดยรวมไม่ต่างจากการประเมินครั้งก่อน แต่ตัวเลขไตรมาส 3 และ ต.ค.55 ชี้ว่าแนวโน้มน่าจะดีกว่าตัวเลขที่ประเมินเอาไว้ อาจจะมีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยไม่มีนัยสำคัญ และจะไม่มีการประกาศปรับตัวเลขเศรษฐกิจระหว่างงวด

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า กนง.คาดว่าการส่งออกของไทยจะฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 56 ขณะที่การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันเท่ากันทั่วประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อมากนัก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะต้องติดตามตัวเลขที่จะเกิดขึ้นจริง ซึ่งเบื้องต้นมองว่าผลกระทบจาการปรับขึ้นรอบแรกก็ไม่ได้มีผลมากนัก ดังนั้นจึงเชื่อว่าครั้งที่ 2 จะไม่มีผลมากเช่นกัน

ทั้งนี้ กนง.หลายคนมีความเป็นห่วงสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่ขยายตัวสูงกว่าอัตราเฉลี่ย และมีการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น กนง.ก็มีหน้าที่รักษาเสถียรภาพการเงิน ก็มีการใช้เครื่องมือผสมผสานทางการเงิน ไม่ใช่เพียงนโยบายดอกเบี้ยอย่างเดียว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ