โดย กกพ.จะเปิดขายซองเอกสารเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2555 ถึง 21 มกราคม 2556 และกำหนดยื่นข้อเสนอ 12 มีนาคม และพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน 2556 โดยการพิจารณาจะเป็นอำนาจของ กกพ. ทั้งหมด
รมว.พลังงาน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว(PDP 2012) ฉบับปรับปรุงรอบที่ 3 อย่างไรก็ตามในปี 2556 จะมีการปรับแผน PDP 2013 ใหม่ โดยให้นโยบายว่าจะใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน และรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากได้รับรายงานว่า ปลายแผน PDP หรือประมาณปี 2573 ค่าไฟฟ้าจะปรับตัวสูงขึ้นไปถึงระดับประมาณ 5 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ ตนเองยังได้มอบหมายให้ กกพ.พิจารณาเรื่องการเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาใช้ระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อของ บมจ.ปตท.(PTT) และเปิดให้เข้ามาใช้ระบบส่งไฟฟ้าได้ด้วย เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน(AEC) ในปี 2558 โดยให้ กกพ.ไปคำนวณค่าเชื่อมต่อในการเข้ามาใช้บริการให้เหมาะสม
ทั้งนี้ กกพ.ได้รายงานผลกระทบจากการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า โดยมีความเป็นห่วงว่า ในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(PEAK) หากระบบส่งก๊าซฯ เกิดปัญหาขาดแคลนจะทำให้เกิดไฟฟ้าตกและไฟฟ้าดับ เพราะปัจจุบันพึ่งพาก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงถึงร้อยละ 70 กระทรวงพลังงานจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางเพิ่มสำรองก๊าซฯ มากขึ้น ทั้ง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) หรือ ปตท.สผ. ไปลงทุนนอกประเทศ เพื่อแสวงหาแหล่งก๊าซฯ มากขึ้น เช่นเดียวกับการลงทุนในประเทศโมซัมบิก และ ปตท.ก่อสร้างคลังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ระยะที่ 2 อีก 5 ล้านตัน เมื่อรวมกับระยะแรกจะสามารถรองรับได้ถึง 10 ล้านตัน
ส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้มอบหมาบให้ กกพ. ไปพิจารณาว่าจะออกกฎระเบียบในการดูแลอย่างไร เพราะปัจจุบันพบว่ามีปัญหามาก โดยเฉพาะการที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ออกใบอนุญาตรับซื้อถึง 4,000 เมกะวัตต์ ขณะที่แผน PDP กำหนดรับซื้อเพียง 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(Ft) ให้สูงขึ้น และการอ้างอิงตัวเลขต้นทุนค่าไฟฟ้าในอดีตนั้น การผลิต 1 เมกะวัตต์ จะต้องลงทุนถึง 120 ล้านบาท แต่ปัจจุบัน ลดลงเหลือ 70 ล้านบาทเท่านั้น จึงไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภคที่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในราคาแพง และเป็นไปไม่ได้ที่จะรับซื้อไฟฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะการผลิตน้ำร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีการเสนอมาถึง 1,000 เมกะวัตต์ เพราะมีต้นทุนสูง จึงมอบหมายให้ กกพ.ไปหาแนวทางเยียวยาผลกระทบต่อผู้ลงทุน
ขณะเดียวกันจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการอุดหนุนการซื้อไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ให้เหมาะสมจากปัจจุบัน ที่ใช้รูปแบบอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม(Adder)อยู่ที่ 6.50-8 บาทต่อหน่วย ก็จะเปลี่ยนมาเป็นระบบรับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง(Feed Intariff)