ในวันนี้ นายอากิฮิโกะ ทานากะ ประธาน JICA ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และความร่วมมือหุ้นส่วนไตรภาคี ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย.55
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องให้มีความร่วมมือด้านการดูแลผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสตามที่ประธาน JICA เสนอ เนื่องจากทั้งประเทศไทยและญี่ปุ่นกำลังเผชิญการเข้าสู่สังคมของผู้สูงวัย โดยสองฝ่ายจะร่วมกันศึกษาและกำหนดรูปแบบความร่วมมือระหว่างกันต่อไป
รวมทั้งได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นได้สนับสนุนหลายโครงการ ทั้งนี้ JICA ได้ขอให้รัฐบาลไทยสนับสนุนบริษัทเอกชนญี่ปุ่น เข้าร่วมประมูลโครงการการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยจะพิจารณาอย่างเป็นธรรม โดยเน้นความสำคัญของการถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นหลัก
สำหรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมาร์ รวมทั้ง ความคืบหน้าในการร่วมกันพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจในบริเวณดังกล่าว โดยที่ไทย-เมียนมาร์จะเปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆ เข้ามาพัฒนาร่วมกัน เมื่อทั้งสองฝ่ายได้กำหนดเงื่อนไขพื้นฐานด้านต่างๆแล้ว ซึ่งในโอกาสนี้ JICA ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วม
ทั้งนี้ สาขาที่ไทย-เมียนมาร์ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก 8 ด้าน ได้แก่ การสร้างถนน ท่าเรือน้ำลึก นิคมอุตสาหกรรม โรงงานผลิตไฟฟ้า ระบบประปา การพัฒนาโทรคมนาคม ระบบรถไฟความเร็วสูงและการพัฒนาชุมชน
ขณะที่ ความร่วมมือหุ้นส่วนไตรภาคี ไทย-ญี่ปุ่น มีความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในประเทศที่สาม โดยเฉพาะ ประเทศในแอฟริกา รวมทั้ง เมียนมาร์ โดยในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การพัฒนาในเมียนมาร์ควรเน้นใน 3 สาขาหลัก ได้แก่ การพัฒนาด้านศักยภาพ การสร้างความปรองดองแก่ชนกลุ่มน้อยในเมียนมาร์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตามข้อเสนอของ JICA